Sunday, January 01, 2006

ขออีกสักครั้ง...เถอะน่า

เลิกแอบเสียที/วิทยา แสงอรุณ Metro Life นสพ. ผู้จัดการวันเสาร์

31 ธ.ค. 2005- 6 ม.ค. 2006

“ยศ” เป็นรุ่นน้องคนหนึ่งที่ผมเพิ่งรู้จัก ผมจำไม่ค่อยได้ว่า เราเริ่มรู้จักกันยังไง แต่ครั้งสุดท้ายที่ผมชวนเขามาพบปะคนอื่นๆ อย่างที่เขาเคยบอกใจ เขาก็กระตือรือร้นดี แต่แล้วเขาก็หายตัวไปเฉยๆ

สามหรือสี่เดือนมาแล้วที่เขาเป็นมนุษย์ล่องหนสำหรับผม และดูเหมือนจะเป็นเช่นนั้นตลอดไปเสียแล้ว จนในที่สุด ผมกำลังจะลบเบอร์ของเขา

ก่อนหน้านี้ ผมจำได้ด้วยว่า เวลาเขาโทรมา เขาจะมีน้ำเสียงร่าเริงอยู่เสมอ คุยไปหัวเราะไป จนผมอยากรู้จักเขาจัง เขาเป็นคนหนึ่งที่ไม่รู้สึกเดือดร้อนอะไรกับสิ่งที่เป็น สิ่งที่ทำ หรือเอาแต่คอยวิตกกังวลกับสิ่งที่ยังไม่เกิดขึ้น เขาบอกแต่หนกระนู้นว่า เขาเหงาๆ อยากมีเพื่อน

คนในวัยยี่สิบต้นๆ เช่นเขาไม่น่าจะบ้างานขนาดนี้ นั่นเป็นอีกข้อมูลหนึ่งที่ผมรับรู้ต่อมา ผมจำได้ว่า คนๆ นี้เองที่ทำงานแทบไม่มีวันหยุด เขาก็คงมีชีวิตคล้ายๆ กันกับผม เขาทำงานอิสระ รักอิสระ ทำงานและยังสนุกกับมันทุกวัน

จนกระทั่งวันหนึ่ง เราได้พบกันโดยไม่ต้องนัดหมายล่วงหน้าเป็นเวลานานๆ พอดี ช่วงนั้นผมมีจังหวะว่าง เขาก็โผล่มาทันทีราวกับว่าต้องเจอกันจนได้

ผมเห็นเขากำลังขึ้นบันไดมา ยศเป็นหนุ่มรูปร่างสูงโปร่ง ไม่ได้หล่อคมเข้ม แต่ก็มีมุมเสน่ห์ชวนมอง เชื่อได้เลยว่า ทั้งสาวทั้งหนุ่มคงอดใจไม่ไหวและอยากจะขอเป็นแฟน หรือแม้เพียงขออยู่ใกล้ๆ เขา

เราโซ้ยข้าวต้มรอบดึกริมถนนกัน หลังจากเขาบอกเล่าประวัติพื้นเพและผมเล่าเรื่องสัพเพเหระที่ผมชองพูดเป็นส่วนใหญ่ ผมก็เริ่มรู้จักตัวจริงของเขาเป็นเรื่องเป็นราวเสียที

เขาเป็นคนเปิดเผยอย่างไม่น่าเชื่อ ดูภายนอก ไม่มีใครบอกได้หรอกว่า หมอนี่เป็นเกย์ และความเป็นเกย์ของเขาดูจะไม่เดือดร้อนอะไรเลยสักนิด เขาพูดถึงมันได้สบายๆ มีเพื่อนทั้งที่รู้ และที่ไม่รู้ความจริงว่า เขาชอบผู้ชาย พนันได้เลย เขาคงทำให้หลายๆ คนช็อกแน่ถ้าความจริงถูกเปิดเผยออกมา

ผมสังเกตดู พฤติกรรมของเขาก็เหมือนผู้ชายประเภทห้าวๆ ทั่วๆไปที่เราเห็นๆ กันอยู่ เขาชอบกินเหล้า สูบบุหรี่ เที่ยวกับเพื่อนฝูงกลุ่มผู้ชาย ยามพูดจากับเพื่อนสนิทก็จะมีสารพัดสัตว์ออกมาป้วนเปี้ยนตามท้ายประโยค ยังไง ก็ไม่มีใครดูเขาออกแน่

“แฟนเก่าผมยังไม่เชื่อจนบัดนี้เลยว่า ผมชอบผู้ชาย เขาหาว่า ผมอำ จะได้ไม่ต้องเป็นแฟนกัน” ยศเล่าอย่างอารมณ์ดี

ผมคิดว่า คนรุ่นใหม่น่าจะสบายใจเหมือนเขาคนนี้ได้เหมือนกัน สำหรับยศแล้ว เขาเป็นอย่างนี้เอง ไม่ได้เสแสร้ง จริงๆ แล้วไม่มีใครปฏิเสธตัวตนของเราได้ หรือจะเอามันไปซ่อนได้ตลอดชีวิต ผมเชื่ออย่างนั้น

ผมพยายามจะให้คำจำกัดความว่า ยศเป็นเกย์พันธุ์ไหนกันแน่ และผมพยายามค้นหาความสนใจของเขา อะไรคือจุดศูนย์กลางแห่งชีวิตหนุ่มคนนี้ เที่ยวเก่งทำงานหนัก

พอพูดถึงสื่อ หนัง หนังสือ หรืออะไรรอบตัวที่เกี่ยวกับชายรักชายพอที่จะให้ผมหยิบมาคุยต่อประเด็น เขากลับแทบจะไม่รู้จักเรื่องพวกนั้น ผมอดคิดในใจเล่นๆ ไม่ได้ว่า “ไอ้น้องคนนี้ไม่เหมาะสมด้วยประการทั้งปวงที่ได้เป็นเกย์!”

แต่เขาก็มีสิ่งหนึ่งที่เขารู้จักมากและถนัดไม่น้อย-แชทรูม นั่นเอง อย่างน้อยก็ถนัดกว่าผม เอาเถอะ ผมจะถือว่า แชทรูมก็เป็นสิ่งหนึ่งที่คู่กับชีวิตของเกย์ได้เหมือนกันนี่นา?

นักแชทตัวยงตรงหน้าผมกำลังเล่าให้ฟังว่า เมื่อก่อนเขาแชทประจำและเคยนัดพบกับคนมามากหน้าหลายตา ผมถามว่า เป็นสิบเลยเหรอ? เขาส่ายหน้า “มากกว่านั้น จำไม่ได้”

เขาบอกว่า ถ้าเขาพอใจ เขาก็พร้อมจะพบกับตัวจริงของคนๆ นั้นโดยไม่เหนียมอายหรือกลัวเรื่องส่วนตัวจะถูกเปิดเผย อาทิตย์หนึ่ง เคยพบสามสี่คน “อยากรู้ไปเลยว่า จะเป็นยังไง ผมก็เหงาๆ ด้วยช่วงนั้น”

ผมคิดว่า ยศเป็นคนมั่นใจในตัวเองดีทีเดียว เขาคงรู้ว่า มีอะไรดี และยินดีที่จะให้คนอื่นรับรู้สิ่งดีๆ ของเขา สิ่งหนึ่งที่เขาทำอีกอย่างก็คือ เขาพร้อมที่จะเปิดเผยรูปเมื่อต้องการ

มีหนหนึ่ง เขาให้คนหนึ่งได้เห็นรูปเขา เขาคนนั้นคงหลงใหลภาพของยศเอามากๆ คนที่ได้รับรูปของเขาไปได้มาสารภาพกับยศทีหลังว่า รูปนั่นช่วยให้เขาสำเริงสำราญจนถึงจุดสุดยอดไปแล้วเรียบร้อย!!!

ถ้าเป็นคุณผู้อ่าน จะรู้สึกยังไง? ผมหมายถึง สมมุติว่า มีคนๆ หนึ่งอยู่ๆ ก็มาบอกคุณว่า เอ่อ...รูปของคุณเหมาะมากสำหรับการช่วยตัวเองของผม?

ถ้าเป็นผม ผมคงดีใจตายเลย เอ้าจริงๆ นะ ผมควรดีใจสิที่ช่วยส่งคนขึ้นสวรรค์โดยไม่ต้องลงมือทำอะไรสักนิด

ว่าแต่ว่า จะได้บุญหรือเปล่า สวรรค์แนวๆ นี้?

สำหรับเขา เขาบอกว่า เป็นความรู้สึกแปลกประหลาดยากจะอธิบายเมื่อรู้ว่า มีคนทำอย่างนั้นกับรูปของเขา

แต่คุณผู้อ่านว่าไหม เราต่างก็เคยทำอย่างนั้นกับรูปของคนอื่นมาก่อนแล้วทั้งนั้น อย่าบอกว่าไม่เคย!! ก็บรรดานายแบบบนเว็บโป๊ไง หรือว่าคุณยังไม่เคยจริงๆ? ผิดแต่เพียงว่า สมัยนี้เราไม่จำเป็นต้องใช้ภาพนิ่งคอยคลิกๆ ๆ หรือพลิกๆ อีกแล้ว และถ้าภาพนิ่งของนายแบบคนหนึ่งช่วยคนขึ้นสวรรค์พรรค์นั้นได้ ผมเชื่อว่า น่าจะได้บุญเยอะทีเดียว และยิ่งเป็นภาพเคลื่อนไหวล่ะ ผมว่านะ นายแบบ-นักแสดงก็น่าจะได้บุญโขอยู่ คุณว่าเปล่า?

เรื่องรูปและเรื่องที่เขาเป็นคนตรงไปตรงมาทำให้ยศได้เรียนรู้อะไรบางอย่าง

หลังจากควานหาคนที่ถูกใจมานานแสนนาน ในที่สุดเขาก็ได้พบกัน “น้อง” คนหนึ่ง อายุยังไม่เต็มยี่สิบพอดี หนุ่มน้อยคนนั้นกำลังเรียนระดับอุดมศึกษาในสาขาน่าทึ่ง เป็นตัวของตัวเอง เปิดเผยกันดี เป็นที่พอใจของยศไม่น้อย

หลังจากได้รับรูปจากหนุ่มน้อยนักศึกษาจนได้ หัวใจเขาเต้นไม่เป็นส่ำ “คนนี้แหละที่ใช่!”

ยศอยากสมัครเป็นแฟนทันที เขาเริ่มตั้งใจจีบเป็นจริงเป็นจัง เขาเป็นคนหนึ่งที่พูดตรงๆ ว่า ผมเลือกคบหาคนเป็นแฟนที่หน้าตา เขายอมรับอย่างนั้น

คุยไปคุยมากับหนุ่มนักศึกษา ยศยิ่งทวีความชอบพอขึ้นไปอีก ทั้งสองคนยังไม่เคยพบกันเลย ยศยังไม่ได้ส่งรูปให้เขาดู และแล้ววันหนึ่ง หัวใจเขาก็แทบแตกเป็นเสี่ยงๆ

“น้องเขาอีเมลมาบอกว่า มีความจริงอะไรบางอย่างที่จะบอก แล้วเขาก็ส่งรูปอีกรูปหนึ่งมา ผมอยากจะบอกว่า ดูไม่ได้เลย (คุณน่าจะได้เห็นเขาทำหน้าปูเลี่ยนๆ)”

ยศยอมรับว่า เขาผิดหวังอย่างแรงสำหรับคนที่เขาเฝ้าใฝ่ฝัน จากเจ้าชายสุดหล่อกลายเป็นเจ้าชายกบ จากรูปที่เห็น เขาจึงตัดสินใจ

“ผมก็เลยบอกน้องเขาไปว่า ขอเป็นพี่น้องกันก็แล้วกัน”

เหมือนสวรรค์อยากสั่งสอนใครบางคน และแล้วสิ่งที่น้องนักศึกษาตอบกลับมาก็คือ ความจริงแล้ว รูปแรกที่ส่งให้ดู คือรูปจริง! ส่วนรูปที่ส่งให้ทีหลังเป็นรูปคนอื่น!

ผมไม่รู้ว่า ยศทำหน้ายังไงตอนรู้ความจริง

ถึงตอนนี้ ผมรู้สึกอยากจะเจอหน้าน้องนักศึกษาคนนั้นจริงๆ เขาดูเจ๋งดี แต่ยังมีที่น่าสนใจยิ่งกว่านั้นก็คือ พอยศถามว่า ทำไมถึงทำอย่างนั้นกับเขา น้องนักศึกษาบอกเรียบๆ ว่า

“แม่สอนมา”
!!!&&#@@!!

ผมแทบก๊าก เกือบสำลักกับข้าวที่กำลังจะกลืน

ผมขอเปลี่ยนใจแล้วล่ะครับ ผมรู้สึกอยากจะเจอคุณแม่ของน้องคนนี้จริงๆ ผมอยากจะบอกว่า “คุณแม่ครับ คุณแม่สุดยอดมากกกกก!!!!”
พอเลิกหัวเราะได้แล้ว สติผมก็กลับคืนมา เดี๋ยวนายยศจะนึกว่า ผมกระทืบเขาซ้ำบนโต๊ะกินข้าว เปล่าเลยนะครับ ตอนนี้ผมรู้สึกสงสารเขามากเมื่อเห็นใบหน้าเศร้าๆ “แล้วเราทำยังไงต่อไปล่ะ เป็นแบบนี้?” ผมพยายามแสดงความเห็นใจเต็มที่ แต่ยังอดขำไม่ได้

“ผมก็ต้องขอเริ่มต้นจีบเขาอีกครั้งสิครับพี่”

ดึกมากแล้ว และเขาดูเหมือนเพลียๆ หรืออ่อนเพลียละเหี่ยใจกับชีวิตรักของเขา ผมอยากบอกเขาว่า ผมเอาใจช่วยอยู่นะ และอยากจะบอกเช่นเดียวกันนี้กับท่านผู้อ่านที่กำลังพยายามทำอะไรอยู่แต่พลาดไป ค่อยๆ กลับมาแก้ไขนะครับ ปีใหม่แล้ว หวังว่า โอกาสอีกครั้งคงเป็นของทุกๆ คนที่ตั้งใจครับ ผมหวังว่า ยศก็น่าจะได้โอกาสนั้นเหมือนกัน

-end-

5 comments:

Anonymous said...

ชอบเรื่องนี้อ่ะครับ แบบว่าชอบอ่านเรื่องชีวิตของคนอื่นอ่ะ

ผมว่ามันเป็นเรื่องธรรมดาของคนนะ
ไม่ว่าเกย์ ผู้ชาย ผู้หญิง ก็ชอบคนหน้าตาดีทั้งนั้น
เพียงแต่ว่าเกย์อาจจะหลงรูปมากกว่าแค่นั้นเอง หึ หึ

Anonymous said...

สวัสดีปีใหม่ค่ะ พี่วิทย์ ตามมาอ่านอีกแล้ว เข้าบล็อคของพี่วิทย์ก่อนเลย เราชอบนะ เราเป็นเหมือนยศค่ะ ชอบคนที่นหน้าตาแต่ยังไม่เคยหลงรักใครซักที หวังว่าคงจะเจอคู่แท้ของตัวเองซักวัน อ้อ ส่งเมล์ไปให้ค่ะ เปิดอ่านด้วย

Vitaya S. said...

ก็จริงอยู่ หน้าตามักมาก่อน แต่ต่อให้หล่อลากดิน
สวยเริ่ดแค่ไหนน่ะ แต่คุยกันไม่รู้เรื่อง ใครๆ
ก็คงคิดว่า คงต้องคบไว้เพื่อดูเพลินๆ มันยากที่จะเห็น
ความงามภายใน แต่ถ้าใครได้เห็นแล้วละก็ เรียกว่า
ได้บรรลุสัจธรรมที่แท้จริง

Anonymous said...

นี่ผมคงจะหัวโบราณเกินไปแล้วละมั้งที่ไม่เคยคิดว่าจะ "รัก" ใครโดยดูจากหน้าตาก่อนที่จะศึกษา "นิสัย" ของคนๆนั้นก่อน... หรือเพราะผมมองโลกในแง่ร้ายเกินไปกันแน่เพราะผมก็มัวเอาแต่คิดว่าคนที่หน้าตาดีมักจะเจ้าชู้และ "ความรัก" ย่อมเกิดจากความรู้สึกข้างในมากกว่า "ความต้องการทางกาย" ภายนอก... แต่นี่ก็คงเป็นสาเหตุให้ผมค่อนข้างปิดกั้นตัวเองจากคนอื่น แต่ก็จะทำไงได้ล่ะเพราะไอ้ผมมันก็คนไร้เสน่ห์หน้าตาไม่ค่อยดีเลยโชคดีไม่ค่อยมีปัญหาหัวใจเท่าไหร่นิ :-p

จาก CrazyP แฟนคลับพี่วิทย์ อิอิอิ

Anonymous said...

ผมว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องธรรมดานะ
ไม่ว่าใครก็เลือกคนจากรูปภายนอกทั้งนั้น
เพียงแต่ว่ามันไม่ใช่ทั้งหมด เรายังดูจุดอื่นอีก

ผมเองก็ชอบดูคนที่หน้าตา แน่นอนว่า ถ้าถูกใจ ก็อยากจีบเหมือนกัน