Sunday, September 17, 2006

Queens: 5 มารดา 6 ลูกเกย์ และ (อี) ตูบตัวนั้น

เลิกแอบเสียที / วิทยา แสงอรุณ Metro Life นสพ. ผู้จัดการวันเสาร์ vitadam2002@yahoo.com 16-17 Sept 2006

ใครที่ไปดูหนังเรื่อง Queens คงรู้สึกอยากจะแต่งกับหนุ่มสเปนแน่ๆ แต่ถ้าจะให้มีคุณแม่อย่างในหนัง คงต้องคิดหนักกันน่าดู

“ควีนส์” ในเรื่องนี้ไม่ได้หมายถึง “เกย์คิง-เกย์ควีน” อะไรทำนองนั้นหรอกนะครับ แต่พูดถึงคุณแม่พันธุ์พิเศษที่คุณเปเรร่า (Manuel Gomez Pereira) ผู้กำกับฯ คนดังของหนังเรื่องนี้บรรจงเลือกนักแสดงหญิงอาวุโสชั้นแนวหน้าของสเปนและยุโรปมารับบทที่ไม่ธรรมดา

ทั้งห้านางต่างมีปมปัญหาขัดแย้งของตัวเอง แต่ต่างคนก็ต่างอยู่ ต่างแก้ปัญหากันไป ไม่ได้พัวพันกัน ดังนั้นจึงไม่ได้เป็นหนังแนวเพื่อนสาวซี้ปึ้กรวมพลังจับแอบใคร

ถึงแม้ตะละแม่แต่ละคนจะมีสีสันและเรื่องราวในชีวิตแตกต่างกันไป ก็ยังมีสิ่งหนึ่งที่เหมือนกันเปี๊ยบคือ พวกหล่อนนั้นแสบสันต์ซะไม่มี

ไม่ว่าจะเป็น คุณแม่จอมบงการที่คบชู้ไว้ดูเล่น คุณแม่ประสาทอ่อนๆ ติดเซ็กซ์งอมแงมโดยเฉพาะกับคนแปลกหน้า คุณแม่บ้าอำนาจ เหยียดเพศและอยากดัง คุณแม่ขี้จุ๊ ชอบเพ้อฝัน และสุดท้ายคุณแม่ผู้โหยหาความอ่อนโยนแต่เต็มไปด้วยความหวาดระแวง หวงสมบัติและชอบเหยียดคนจน

นักแสดงหญิงรุ่นลายครามหลายคนในหนังเรื่องนี้แจ้งเกิดมาแล้วจากหนังของผู้กำกับบรมครูของสเปนคนหนึ่ง คุณเปโดร อัลโมโดวาร์ (ซึ่งหนังเกี่ยวกับเกย์ของเขาเรื่องหนึ่งฉายในบ้านเราไปแล้วชื่อ Bad Education วีซีดีและดีวีดีออกมาให้ซื้อและสะสมกันแล้ว โปรดอย่าอุดหนุนผี)

ผู้กำกับเรื่อง Queens กำหนดให้คุณแม่ทุกคนในเรื่องล้วนอายุอานามปาเข้าไปจะห้าสิบ แต่พวกหล่อนกลับเพิ่งค้นพบอะไรบางอย่างที่สดใหม่และสำคัญยิ่งเป็นครั้งแรกในชีวิตในช่วงวันสุกดิบอันวุ่นวายก่อนที่บรรดาลูกเกย์สุดหล่อของพวกหล่อนจะเข้าพิธีสมรสหมู่กัน

ในฉากแรกๆ ผู้ชมอาจจะสับสนว่า ใครเป็นแม่ใคร (วะ) และใครกำลังจะแต่งงานกับใคร เนื่องจากมีตัวละครเยอะ และชื่อเป็นภาษาสเปน

ตอนผมกำลังเตรียมต้นฉบับสำหรับสัปดาห์นี้ ผมมั่นใจว่า ทางที่ดีควรคัดลอกชื่อนักแสดง และชื่อตัวละครออกมาซะก่อน น่าจะดี แล้วจับมาเรียงๆ กันว่า ใครเป็นใคร จะได้ไม่สับสน แต่แล้วก็ต้องเปลี่ยนใจล่ะครับ เพราะท่านผู้อ่านคงต้องงงอีกที เพราะมีหลายชื่อเหลือเกิน

ในโรงหนัง พอคุณดูไปสักพักหนึ่ง จะแยกแยะตัวละครออก และตามเนื้อเรื่องได้ทันหายห่วง โดยเฉพาะเวลาหนุ่มๆ ในเรื่องปรากฏกายนั่นแหละ

ผู้กำกับคงตั้งใจคัดมาให้กรี๊ดเป็นการเฉพาะ มีทั้งหนุ่มหมีขนดก หนุ่มหุ่นฟิต หนุ่มผมบลอนด์หน้าสวย หนุ่มร่าเริงขี้เล่น หนุ่มอ่อนโยนหน้าเข้ม และหนุ่มสุขุมแต่ลึกลับ แต่ละคนมีเสน่ห์ หกแบบหกอารมณ์ ทำเอาเพลิดเพลิน เสียดายนิดหนึ่งล่ะครับ ในหนังเรื่องนี้ พวกเขาไม่ได้เล่นบทนำ แต่รับบทสนับสนุนบรรดาแม่ๆ

ถ้ายังงั้น เราจะเรียกหนังเรื่องนี้ว่าหนังเกย์ได้หรือเปล่า? ว่าแต่ว่า แล้วอะไรคือหนังเกย์ แล้วอะไรคือหนังไม่เกย์ ? อีกอย่าง พอได้ยินใครๆ บอกว่า “หนังเกย์” ทีไร ก็มักจะพาลไปนึกถึงหนังโป๊ทุกที

วิธีการเล่าเรื่องของหนังเรื่องนี้คงเป็นจุดเด่นที่สุด เพราะสามารถเล่ากลับไปกลับมา แต่ดูแล้วตามทันไม่ตกหล่น ยิ่งไปกว่านั้นผู้กำกับมักจะมี “เซอร์ไพรซ์” หย่อนไว้ตรงโน้นตรงนี้ เซอร์ไพรซ์สองอย่างในหลายอย่างของเขาก็คือ นักแสดงชายวัยกลางคนสองท่าน

ใครที่ได้ดูหนังสเปนเรื่อง Bear Cub และเรื่อง Bad Education ต้องจำนักแสดงสองท่านนี้ได้ ในเรื่องนี้ เขาไม่ได้เล่นเป็นเกย์ แต่เล่นเป็นหนุ่มหื่นที่ไปกินคุณแม่เข้าเต็มๆ ด้วยบทบาทร้อนแรงน่าดูชม

ขณะที่การผูกเรื่องให้แต่ละแม่ค่อนข้างจะกลมกล่อมลงตัว บทสนทนาขบกัดเฮฮาสนุกสนาน แต่สำหรับผม พอดูจบแล้ว กลับรู้สึกว่า ไม่ได้มีอะไรติดสมองกลับบ้าน ยกเว้นเรื่องเจ้าหมายักษ์ตัวนั้น

ผมยังคงมานั่งคิดอยู่ว่า นังตูบตัวนั้น มีไว้ทำไมในหนัง? มันถูกหนุ่มหล่อผมบลอนด์พาไปปล่อยเพราะก่อกวนป่วนบ้าน ทั้งๆ ที่เป็นหมาแสนรักของแม่ยายของตัวเอง

แล้วเจ้าขนฟูก็ตุหรัดตุเหร่เตร่ไปตามท้องถนน ไปเจอตัวละครตัวนั้นที ตัวนี้ที บางทีการปรากฏตัวของนังตูบก็มีความหมายกับฉากและบทบ้าง บางทีก็โผล่ออกมาดื้อๆ แล้วหายไปเฉย ส่วนตอนจบ ก็ไม่ได้มีบทบาทสำคัญอะไรที่ผูกโยงกับตัวละครหรือเข้าช่วยแก้ปมปัญหาอะไร...โธ่นังตูบ

ถึงแม้ Queens จะไม่มีอะไรยิ่งใหญ่ ไม่ได้ทำให้รู้สึกอยากลุกขึ้นมาปรบมือ ก็ถือว่าเป็นหนังน่าดูอีกเรื่องหนึ่ง (เข้าแล้วที่ลิโด้สัปดาห์ที่ผ่านมา หนึ่งในโครงการ Little Big Film Project X ดูตัวอย่างหนังที่ www.queens-themovie.com)

ผมเดาเอาเองว่า ผู้กำกับซึ่งเป็นคนเขียนบทเองด้วย คงอยากทดลองอะไรใหม่ๆ แต่ไม่ต้องการเสี่ยงทำหนังที่ดูยาก และยังคงต้องการเอาใจตลาดผู้ชื่นชอบหนังสไตล์ฮอลลีวู้ดดูง่าย ๆ ในวงกว้างอยู่ หนังเลยไม่ค่อยได้รับเสียงปรบมือจากนักวิจารณ์ทั้งไทยและเทศเท่าไหร่

แต่สิ่งที่คนทั่วโลกผู้รักความยุติธรรมปรบมือให้อย่างกึกก้องก่อนหน้านี้ก็คือ ประชาชนชาวสเปน ซึ่ง เกินกว่า 60% บอกว่า การให้คนเพศเดียวกันแต่งงานกันได้คือ การให้สิทธิอันเท่าเทียมกันกับประชาชนทุกๆ คนของประเทศ ไม่ว่าคุณจะแต่งกับใคร

ลองนึกดูนะครับ ประเทศนั้นศาสนจักรเป็นใหญ่ และเคยมียุคทมิฬที่จับเกย์ยัดคุกอยู่บ่อยๆ ยังเปลี่ยนแปลงกันได้ สเปนได้กลายเป็นประเทศที่สามในยุโรปที่ให้คนเพศเดียวกันแต่งงานกัน นับจากเนเธอร์แลนด์และเบลเยี่ยม บางประเทศยังไม่ได้เรียกว่า แต่งงานนะครับ แต่ให้จดทะเบียนเป็นประเภทคู่ร่วมชายคากันได้ civil union ซึ่งได้รับสิทธิ์บางอย่าง

การจดทะเบียนสมรสทำให้เกย์และเลสเบี้ยนในสเปนได้รับศักดิ์และสิทธิ รวมทั้งประโยชน์ในเรื่องต่างๆ เหมือนบรรดาคู่สมรสชายหญิงทั่วไป รวมทั้งเรื่องรับบุตรบุญธรรม

เรียกได้ว่า หนังเรื่องนี้ผลิตออกมาในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อของประวัติศาสตร์ชาติสเปนเลยทีเดียว เพราะกฎหมายเรื่องการแต่งงานของคนเพศเดียวกันเพิ่งผ่านเมื่อปี 2004 มีผลในปี 2005

และในเดือนมิถุนายน ปี 2006 นี้ มีรายงานออกมาล่าสุดว่า มีคู่สมรสเพศเดียวกันจดทะเบียนแล้วกว่า 1,300 คู่ และที่น่ายินดีไปกว่านั้นก็คือ แม้คุณเป็นคนต่างชาติ คุณก็แต่งงานและจดทะเบียนกับหนุ่มสเปนได้ล่ะ

-end-

All rights served.

7 comments:

Vitaya S. said...

สวัสดีครับ ต้องขออำภัยอย่างยิ่งนะครับสำหรับท่านที่คลิกมาอ่านช่วงเช้าวันอาทิตย์ ช่วงบ่ายวันอาทิตย์ ช่วงเย็นวันอาทิตย์แล้ว ไหงไม่อัพเดทซะกะที ก็...แหะ...ไปตจว...(ไม่ใกล้ ไม่ไกล) มาเล็กน้อยน่ะครับ เพิ่งจะพาตัวมานั่งเก้าอี้ แล้วจัดการอัพ อัพ ขึ้นซะที ไปมารอบนี้ก็มีเรื่องให้อยากเขียนอีกเพียบเลย แล้วจะทะยอยเล่าให้ฟังนะครับ

และต้องถือโอกาสขอบคุณทุกท่านนะครับใน blog นี้ที่แสดงความเสียใจในเรื่องของสัปดาห์ที่แล้ว ขอบคุณมากครับ รู้สึกอบอุ่นหัวใจครับ

Anonymous said...

พักนี้ผมไม่ค่อยได้แวะเข้ามาเพราะกำลังโดน "เวลา" ตามล่าอยู่ครับ...
แต่ถึงยังไงก็อดเม้าท์ไม่ได้ ต้องหยุด เวลาของตัวเองลงสักพัก เพื่อเติมสิ่งที่ขาดหายไป ให้ชีวิตสักหน่อย...

ไม่รู้จะบอกพี่ยังไงดีว่า บทความอันก่อนของพี่ทำให้ ผมได้ซึมซับอะไรบางอย่าง ผ่านตัวหนังสือเหล่านั้น บอกตามตรง ผมรู้สึกว่า ภาพความทรงจำของผม กลับชัดเจนขึ้นอีกครั้ง เพราะแค่แปดเดือนที่ผ่านมา ผมก็ต้องเผชิญกับ "การจากลา" ถึง 2 ครั้ง ถึงแม้จะไม่ใช่ญาติ แต่ผมกลับผูกพันกับคนทั้งคู่มาก ๆ และ่ก็เช่นเดียวกับที่พี่เขียน ผมกับเพื่อนดูไม่เศร้า(เท่าที่ควร) อาจจะเพราะผมบอกกับตัวเองแล้วว่า ผมจะ ระลึก ถึงคนทั้งสองตลอดไปและ จะเก็บความรู้สึกดี ๆ เหล่านั้นไว้ เป็นความทรงจำในช่วงเวลาีที่เราได้อยู่ด้วยกัน

ขอโทษที่เข้ามาแสดงความเสียใจช้าไปหน่อย และขอบคุณที่ทำให้ผมได้รู้สึกอบอุ่นหัวใจ เช่นกันครับ ^__^

Anonymous said...

อดดูเหมือนเคย ได้แต่หวังว่าคงจะมีวีซีดีออกมาขายนะคะ พูดถึงวีซีดีแล้ว เมื่อไหร่ rbb the movie จะวางแผงซะทีคะ พี่วิทย์ อ้อ ส่งอีเมล์ไปหาตั้งแต่คืนวันศุกร์ ตอบด้วยเน้อ

Anonymous said...

แหะแหะ คราวนี้มาทันแฮะ อยากดูหนังพวกนี้มาก
ที่ว่าห้ามซื้อผี แสดงว่ามีแผ่นขายใช่หรือเปล่าครับ
ไปหาได้ที่ไหนบ้างน่อ

Anonymous said...

อยากดูบ้างจัง
แต่ไม่ได้ดูอีกแล้ว
บ้านป่า บ้านนา ต้องรอให้มันกลายเป็นแผ่น เสียก่อนจึงจะได้มีโอกาสดู

-- ชอบเรื่อง การจดทะเบียนร่วมชายคา กันได้ค่ะ -
เคยดูสารคดี ยูบีซี ค่ะ
ประมาณ สมัยก่อน คริสกาล ไม่มีข้อบังคับ ว่า ชายต้องคู่กับ หญิงค่ะ

ประวัติศาสตร์คือ สิ่งที่ถูกเขียนขึ้นจากผู้ชนะค่ะ
พอดีมีคนมาเขียนไว้ว่า อดัม ต้อง คู่กับ อีฟ
ต่อๆมา อดัม ก็เลยต้อง คู่กับ อีฟ

(อดัม กับ อดัม และ อีฟ กับ อีฟ ต้อง หลบๆ ซ่อนๆ ค่ะ)

สวัสดี
สาวอิสานรอรัก

คิวว์ said...

หนุ่มเสปนเซ็กซี่ซะด้วยสิ

เพิ่งรู้แฮะว่าผกก.คนเดียวกับ Bad Ed. หยังงั้นก็น่าจะหามาเก็บ(หมายถึงแผ่นนะไม่ใช่คน หุหุ)ไว้ในครอบครองอีกหนึ่งชุด จะหาได้จากไหนหนอ??

ปล. ได้ข่าวว่าแผ่น bad เพื่อนมันก็หามาประเคนให้ ฤาว่าคราวนี้ต้องเซ่นมันอีกหน?

Anonymous said...

หวาดดีคร้าบบบบบ

ยังไม่ได้ดูเลยครับพี่ ผมไม่แน่ใจเสาร์/อาทิตย์อาจจะไปดู ยังไงก็ต้องไปดู อ่านเรื่องย่อมานานแล้ว ขอไปดูให้หน่ำใจเสียที

แค่อยากรู้ เลยขอถาม? เมื่อไหร่เมืองไทยจะออกกฎหมายให้คนรักเพศเดียวกันมีสิทธิสมรสตามกฎหมายมั้งละครับ (แม้ผมจะโสด แต่อนาคตไม่แน่ 55+)

อาจจะดูไม่สำคัญสำหรับเกย์บางคน แต่ขอมองในฐานะมนุษย์เงินเดือนคนหนึ่ง สิทธิสมรสเกี่ยวข้องกับอะไรบ้าง เช่น การลดหย่อนภาษี มรดก ธุรกรรมทางนิตินัยต่างๆที่จะต้องทำเป็นคู่

เกย์บางคนรักกัน จนบางครั้งเราลืมมองข้ามประเด็นต่างๆเหล่านี้ ผมไม่ได้บอกว่าเรื่องสิทธิสมรสนี้จะช่วยให้คู่เกย์รักกันมากขึ้นหรือค้ำประกันว่าจะรักกันชั่วฟ้าดินสลาย เพียงอยากชี้ให้เห็นว่า ตอนนี้เรากำลังพูดถึงในแง่ที่รัฐเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย ไม่ใช่แค่เป็นประเด็นของคนสองคนแล้ว

พูดมากไปหรือเปล่าเนี่ย
พอก่อนดีกว่า เดี๋ยวโดนตีหัว
ฮิ้ววววววววววววว