Sunday, August 06, 2006

ฉัน...เมียอีกคนหนึ่ง?

เลิกแอบเสียที / วิทยา แสงอรุณ Metro Life นสพ. ผู้จัดการวันเสาร์ vitadam2002@yahoo.com
5-6 Aug 2006

“ตั้งแต่สกลไปดูหนังเรื่องโบรคแบ๊คเมาเทน เขาก็เปลี่ยนไป” พี่วุธมีสีหน้าและแววตากังวล

“เขามาถามทำนองว่า แล้วเราสองคนจะเป็นยังไงกันต่อไป...”

แล้ว...จะเป็นยังไงกันต่อไปล่ะ?

ในแต่ละสัปดาห์ หนึ่งวันในนั้นจะเป็นวันที่ทั้งสองคนนัดพบกัน

ผมรู้สึกนับถือกิจวัตรประจำสัปดาห์ของทั้งสองจริงๆ ไม่ว่าพี่วุธจะไปอยู่ที่ไหน ไกลอย่างไร เขาก็จะเพียรพยายามกลับมายังจุดนัดพบให้ได้ไม่เคยขาด ยกเว้นต้องโยกย้ายไปวันอื่นเพราะมีเหตุต้องเดินทางไกลจริงๆ หรือมีธุระสำคัญในเย็นวันนั้น แต่เขาทั้งสองก็จะร่วมกันจัดตารางสัปดาห์นั้นเสียใหม่ ไม่มีขัดแย้ง

ผมสังเกตมาหลายหนแล้ว ถ้าหากผมพบกับพี่วุธในวันที่ตรงกับวันในสัปดาห์ที่พี่วุธเพิ่งเสร็จกิจกรรมนัดพบไป ใบหน้าและผิวพรรณของพี่ท่านจะดูผุดผ่องขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด ดูเขามีความสุขปรี่ล้น ถ้าปิดไฟ ก็คงจะ “glow in the dark” สว่างไสวราวสติ๊กเกอร์ที่สะท้อนแสงได้ในความมืด

ความสัมพันธ์ลึกลับของทั้งสองเป็นไปในลักษณะนี้มานานนับสิบปีแล้ว

คุณผู้อ่านคงไม่อยากจะเชื่อ ผมก็แทบไม่เชื่อเหมือนกัน ทั้งสองคบหากันนานขนาดนี้ได้ยังไง? น่าจะมีอะไรอยู่เบื้องหลัง

ผมสงสัยว่า หากคนเราไม่ได้อยู่ใกล้ชิดตลอดเวลากับคนที่ตัวเองปรารถนา เพียงแต่ได้พบหน้าสัปดาห์ละครั้ง ความสัมพันธ์จะมีโอกาสยืนยาวและดูมีคุณค่าน่าทะนุถนอมมากขึ้นหรือเปล่า?

ทั้งสกลและพี่วุธคงมีอะไรที่ลงตัว ชัดเจน และตกลงกันได้อย่างไม่มีเงื่อนไข ซึ่งเป็นเรื่องยากที่คนนอกจะเข้าใจ

แต่มีสิ่งหนึ่งที่ผมพบก็คือ ทั้งสองไม่ได้เรียกร้องอะไรจากกัน พี่วุธยังบอกด้วยว่า หากสกลไปมีอะไรกับใครคนอื่นมา ขอให้บอกละกัน แต่ก็ดูเหมือนสิ่งนั้นจะไม่เคยเกิดขึ้น

และเมื่อความสัมพันธ์ของทั้งสองเป็นเช่นนี้แล้ว ผมจะเรียกเขาทั้งสองยังไงดีล่ะ? เขาไม่ได้อยู่บ้านเดียวกัน และเขาคงไม่มีวันจะทำอย่างนั้น หรือให้ใครๆ เห็นว่าอยู่ด้วยกันตามลำพัง เรื่องจะไปไหนมาไหนด้วยกัน ยิ่งเป็นไปไม่ได้

เขาเป็นเพื่อน? คนสนิท? คนพิเศษ? คู่ขา? หรือชู้รัก? ที่ไม่อาจจะนิยามให้ชัดเจนลงไปได้ก็เป็นเพราะว่า ทั้งสองมีสัมพันธ์อย่างลึกซึ้งกันมานานแล้วก่อนที่สกลจะแต่งงานไป และมีลูกเสียอีก

ผมอดขำไม่ได้ที่รู้ว่า วันที่สกลแต่งงาน พี่วุธก็เป็นผู้ช่วยที่แสนดี ช่วยจัดหาเสื้อผ้าให้เจ้าบ่าว เผอิญเสื้อของน้องชายพี่วุธพอดีตัวกับสกล นอกจากนี้ คุณพี่วุธยังรับอาสาถ่ายวิดีโอในงานให้สกลอีก ผมอยากรู้จริงๆ ว่า พี่วุธรู้สึกยังไงตอนมองสกลกับเจ้าสาวของเขาผ่านกล้องวิดีโอ

จริงๆ แล้ว ผมมีอีกหลายคำถาม ถ้าให้คนเพศเดียวกันแต่งงานกันได้ สกลจะเลือกแต่งงานกับวุธหรือเปล่า? แล้ววุธล่ะจะยอมแต่งกับสกลมั๊ย? แล้วถ้าทั้งสองแต่งงานกันไป จะรักษาความสัมพันธ์ได้ยาวนานกว่าสิบปีอย่างนี้หรือเปล่า?

แรกๆ ผมยังสงสัยอยู่ว่า สกลเป็นไบฯ จริงๆ หรือไม่? หรือเขาแต่งงานไปเพราะอยากจะมีลูก? แต่พอคุยกันบ่อยเข้า ผมหายสงสัยแล้ว จากพฤติกรรมต่างๆ ที่เคยผ่านมาสมัยวัยหนุ่มฉกรรจ์ของสกล สกลเป็น “หนุ่มไบฯ” ขนานแท้ ไม่ใช่ “เกย์สับสนคิดว่าตนเป็นไบฯ”

ส่วนพี่วุธของผม เป็นเกย์สาว-หน่วยรับขนานแท้เช่นกัน ในระยะ 500 เมตร เขาเป็นอื่นไปไม่ได้ ทั้งสองจึงมีบทบาทชัดเจนของตัวและอาจเติมเต็มกันและกันอย่างน่าไม่น่าเชื่อ คำถามที่ว่า “เราสองคนจะเป็นยังไงกันต่อไป” ก็ไม่น่าจะเกิดขึ้นจริงไหมครับ จนกระทั่ง

“ก่อนไปดูโบรคแบ๊คเมาเทน ก็ไม่มีปัญหาอะไรหรอก ตอนนี้สิ เขามาคอยถามสารทุกข์สุกดิบ เป็นห่วงเป็นใย คอยโทรมาหา แล้วยังถามอีกแน่ะว่าอยากให้เพิ่มวันอีกหรือเปล่า?” พี่วุธเล่าต่อ แม้จะมีน้ำเสียงกังวล แต่สีหน้าก็ดูปลาบปลื้มไม่น้อย

หนหนึ่ง สกลมีแผนพาลูกเมียไปเที่ยวพักผ่อนกัน ปกติเขาไม่เคยโทรมาชักชวนวุธหรอก แต่ครั้งนี้สิ เขาคะยั้นคะยออยากให้วุธไปด้วยกันให้ได้ ไปพร้อมหน้าพร้อมตาราวกับเป็นครอบครัวเดียวกัน? ไปด้วยกันน่ะเหรอ? พี่วุธคิดแล้วคิดอีก แล้วก็บอกว่า “จะบ้าเหรอ”

ในระยะหลัง ยิ่งชัดเจนยิ่งขึ้น ความรู้สึกและความสัมพันธ์ที่สกลมอบให้พี่วุธเริ่มเปลี่ยนไปจากเดิมมาก พี่วุธเล่าว่า อาจเป็นเพราะตอนนี้ภรรยาของสกลเริ่มน้ำหนักขึ้นจนเสียสมดุลบางอย่าง และดูเหมือน ในระยะหลังๆ มานี้ ภรรยาของเขาก็ไม่ได้ให้ความสำคัญกับความต้องการของสามีเอาซะเลย

“สกลเขาเป็นคนต้องการมากน่ะ พี่เข้าใจ” พี่วุธเผย

“ก็ไม่ดีหรือครับพี่ ได้เจอกันบ่อยขึ้นกว่าเดิม”

“ก็ดีอยู่หรอก แต่บางทีพี่ก็ไม่อยากให้อะไรมันเปลี่ยนแปลงไป อาทิตย์ละครั้งก็ดีแล้ว เพราะพี่จะได้มีเวลาไปทำอย่างอื่นอย่างที่อยากทำ”

ผมพอจะเข้าใจเรื่องความรักในอิสระของการเป็นผู้ชายแม้จะเป็นชายเกย์ ก็ไม่ต่างกัน แต่ก็ยังไม่แน่ใจว่าได้คำตอบที่ชัดเจน “พี่แน่ใจเหรอที่ว่า เป็นไปอย่างนี้ก็ดีอยู่แล้ว”

เขาทำหน้างงๆ

“หรือพี่กลัวใจตัวเอง” ผมถามต่อ

พี่วุธยังคงไม่มีคำตอบ หลายสัปดาห์ผ่านไป เราคุยกันเรื่องนี้อีกครั้ง เขาเล่าต่อ “ตอนนี้ เขาทำเหมือนพี่เป็นเมียเขาอีกคน!” พี่วุธเล่า

ฟังดูเหมือนคุณพี่สกลจะรู้สึกอะไรชัดเจนขึ้นมายิ่งขึ้นกว่าเดิมแล้วกับความสัมพันธ์ของทั้งสอง?

ส่วนตัวพี่วุธเองก็พบอะไรบางอย่าง เขาคงชัดเจนกับความรู้สึกตัวเองยิ่งขึ้นเช่นกัน

“พี่ว่า ความรู้สึก ความต้องการของพี่มันเริ่มเปลี่ยนไปแล้วล่ะ เมื่อก่อนนะ เวลาเราอยากจะ...อะไรกับใคร ก็ไม่ต้องคิดถึงว่ามีเขาอยู่ แต่ตอนนี้รู้สึกไม่อยากจะมีอะไรกับใคร หรือพี่รู้สึกไม่ค่อยแอ็คทีฟก็ไม่รู้”

เขาพูดปนน้ำเสียงกลัวๆ เหมือนกลัวตัวเองจะหมด “ความต้องการ” ไปในบัดดล ผมนึกถึงผู้ชายวัย “หมดประจำเดือน” ผู้ชายคงรู้สึกสูญเสียส่วนสำคัญอะไรบางอย่างในชีวิตไป ฟังดูน่ากลัว ฟังดูเหมือนกำลังผ่านพ้นเข้าสู่อีกวาระหนึ่งแห่งชีวิตและต้องเผชิญความจริงเรื่องสังขารของตัวเอง หรือเรื่องความรู้สึกลึกๆ ของตัวเองกันแน่กับคนที่คบหาอยู่?

ผมเดาว่า พี่วุธคงกำลังรู้สึกปนๆ กันกระมัง เขาบอกว่า เขาเคยสนุก เขาเคยรู้สึกตื่นเต้นที่ได้เจอใครคนอื่นๆ ที่เข้ามาหา แต่ตอนนี้เขาไม่ได้รู้สึกอย่างนั้นอีกแล้ว เพราะตอนนี้คงเป็นเพราะสกลเข้ามามีพื้นที่ในใจของเขามากขึ้น?

จะอย่างไร พี่วุธยังคงยืนยันอยู่ดีว่า จะไม่เปลี่ยนแปลงอะไรไปจากนี้ในเรื่องสถานะของทั้งสองคน เขาไม่คิดเรียกร้องอะไรกับความสัมพันธ์อันยาวนานกับสกลเช่นนี้

“ก็ฉันรู้ตัวดีว่า...ที่ของฉัน อยู่ตรงไหน” วุธบอก

-end-

All rights served.

7 comments:

Anonymous said...

อ่านแล้วรู้สึกแปลก ๆ ดีครับ แต่ก็ทำไงได้หนอ ในเมื่อคนรักกันชอบกัน ถ้าผมเป็นวุธ ผมเองก็คงจะต้องถอยฉากครับ คือไม่อากทำให้ ครอบครัวเขาเขาจะต้องมากระอักกระอ่วนใจในความสัมพันธ์แบบหลบ ๆ ซ่อน ๆ แบบนี้

ใจจริงผมชอบเกย์ไปเลย ไม่ใช่ไรหรอกนะ
1. ผมจะได้ไม่รู้สึกปั่นป่วนในใจเวลาที่เราอยู่กับเขา เราจะได้รู้สึกว่า พื้นที่ในใจของเขามีให้แต่ผู้ชาย ไม่ได้เก็บไว้ให้ผู้หญิง
2. เขาเองก็จะได้ ไม่ได้มาห่วงหน้าพะวงหลัง :)

Anonymous said...

นั่นแน่ ในที่สุดก็เขียน

เป็นเรื่องราวที่เข้าใจอยากนะคะ
แต่จะพยายามเข้าใจค่ะ

สาวอิสานรอรัก

Anonymous said...

เห็นด้วยกับคุณ ความคิดเห็นที่ 1 ครับ

สวัสดีครับ คุณสาวอิสานรอรัก (เมื่อไหร่จะเจอซะที ?)

Anonymous said...

"ผมอยากรู้จริงๆ ว่า พี่วุธรู้สึกยังไงตอนมองสกลกับเจ้าสาวของเขาผ่านกล้องวิดีโอ"

คำถามนี้น่าสนใจ ... ก็เลยนึกถึงหนังเรื่องหนึ่ง

เขาอาจจะรู้สึกเหมือน Mark ที่ไปช่วยถ่าย VDO ในงานแต่งงาน ระหว่าง เพื่อนสนิทของเขา คือ Peter กับ Juliet ซึ่งเป็นผู้หญิงที่เขารัก ...(จากเรื่อง Love Actually) ก็ได้นะ ...

Anonymous said...

รู้สึกแปลกๆ นะ ในฐานะที่เป็นผู้หญิงอ่าน
ฉันเป็นผู้หญิงคนหนึ่งที่กำลังสนใจ (เรียกว่า
ตกหลุมรัก) เพื่อนชายคนหนึ่งที่เป็น "เกย์"
ที่สนใจเพราะสนใจในความเป็นผู้ชายของเขา และ
ด้วยความใกล้ชิดกันอย่างมาก เขาเป็นคนที่
ไม่เหมือนผู้ชายคนอื่นๆ เป็นชาย "เกย์" ที่
มีความรับผิดชอบสูงมาก และมีหลายอย่างที่
เรียกว่า ใช่เลย! นี่แหละคนที่ฉันสนใจ

เขาเป็นคนที่ทำให้ฉันเลิกมองผู้ชายแท้ๆ ได้
แต่กลับมามองเขาในตัวตน "เกย์" แทนได้

แต่นั่นแหละ ผู้หญิงก็ต้องชอบผู้ชายแท้ๆ อยู่ดี
ในเมื่อเขาเป็นแบบนี้เราก็คงเป็นได้แค่ "เพื่อน"
เท่านั้นแหละ (คิดแล้วยอมรับว่าผู้หญิงก็เสียดาย
เป็นเหมือนกันนะ)อีกอย่างคงทำใจไม่ได้เหมือนกัน
ถ้าเกิดเหตุการณ์เหมือนในเรื่องนี้ สักวันคงต้อง
แยกทางกันเดิน เพราะความรู้สึกเป็นเรื่อง
ละเอียดอ่อน

"เกย์" กับ ผู้หญิงก็เป็นได้แค่เพื่อนเท่านั้น

จาก ผู้หญิงที่รัก"เกย์"

Anonymous said...

หวัดดีครับพี่วิทย์ ไม่ได้มาเม้นต์ซะนานเลยครับ ยังสบายดีนะครับพี่

เรื่องวันนี้น่าสนใจดีครับ มันคงไม่มีคำตอบที่แน่ชัดเท่าไหร่หรอกนะครับ ในเรื่องของคนที่สาม และมันก็พูดยากเนื่องจากหลายๆ ปัจจัยภายนอก มันยังเป็นเรื่องของจังหวะเวลา (นี่พูดถึงในกรณีที่เราเจอเค้า คนที่ใช่ในวัน-เวลาที่ผิด) แล้วมันก็ไม่ผิดไม่ใช่เหรอครับที่จะรักเค้า โดยที่ไม่ทำให้เค้าเดือดร้อน ก็จะให้ทำไงได้ล่ะครับ ก็รักเค้าไปแล้วนี่นา

พูดถึงในกรณีของชายรักชาย เรื่องการอยู่ด้วยกัน 3 คนเนี่ยก็ถือว่าแปลก แต่ก็เป็นไปได้ใช่ไหมครับ แล้วเค้าคิดกันอย่างไง มีอยู่เยอะมากแค่ไหนกันครับพี่

ถึงคุณ ผู้หญิงที่รัก"เกย์"

ขอบคุณมากที่เข้าใจพวกเรานะครับ ผมก็เคยพูดกับเพื่อนๆ เหมือนกันว่า ถ้ามีผู้หญิงมารักเรา แล้วเค้าก็ยอมรับเราได้เนี่ย เราจะทำอย่างไง เพื่อนผมก็บอกว่าถ้าเป็นไปได้ก็อยากแต่งงานมีครอบครัว มีลูก แต่เรื่องที่เป็นปัญหาก็คือ ผู้หญิงคนนั้นจะทำใจยอมรับเรื่องที่สามีไปมีอะไรกับชายอื่นได้ไหม เรื่องมันก็ยุ่งๆ วุ่นๆ ดีนะครับ

Vitaya S. said...

เพิ่งได้คุยกับพี่วุธไปแล้วบอกให้เข้ามาอ่านในนี้ด้วย ถามเขาว่า เอ...แล้ววันที่สกลแต่งงานไป พี่วุธต้องไปถ่ายวิดีโองานแต่งงานให้ รู้สึกยังไงน่ะ ถามจริงๆ

เขานั่งคิดย้อนหลังอยู่พักหนึ่ง แล้วก็บอกว่า วันนั้นตอนอยู่ในสถานการณ์นั้น ก็บอกตัวเอง ย้ำกับตัวเองนะว่า "ฉันคงเสียเขาไปตลอดกาล"