Sunday, December 17, 2006

Miss AC/DC มงกุฎนี้ต้องมีกึ๋น!


เลิกแอบเสียที / วิทยา แสงอรุณ Metro Life นสพ. ผู้จัดการวันเสาร์ vitadam2002@yahoo.com
16-17 Dec 2006

มิสตุรกีขี่พรมมา มิสแคนาดาเป่าแคน มิสไทยแลนด์แต่งแก้วหน้าม้า มิสเคนยาเปลือยอกโชว์ มิสสิงคโปร์โอ่ตึกสำนักงาน มิสฟรานซ์ซ่อนอยู่ในกรอบรูปเจาะรู มิสยูเอสเอโชว์ปอมปอมเชียร์ มิสอินโดนีเซียเป็นหุ่นเชิดโงนเงน ส่วนมิสสเปน...เป็น...แมลงวัน...

ให้มาอีกหน้ากระดาษ ก็คงไม่พอสาธยายล่ะครับท่านผู้อ่านกับการประกวดสุดตะลึงพรึงเพริศจากผู้เข้าประกวดเพื่อการล้อเลียนการประกวดนางงามด้วยความสร้างสรรค์ ด้วยปีนี้มีตัวแทนจากห้าสิบประเทศที่ต่างคนต่างแข่งกันสวย “เลิศกาม งามปัญญาฉาย พลีกายสร้างสรรค์” ในงาน Miss AC/DC Pageant 2006 ที่บีอีซีเทโร ฮอลล์ วันอาทิตย์ที่ 10 ธ.ค.

Miss AC/DC หรือ Miss Alternative Creature's Devoted Creation (แปลไทยก็คือคำในเครื่องหมายคำพูด จากย่อหน้าข้างบนนั่นแหละ) เขาจัดอย่างเป็นทางการมาเป็นปีที่หกแล้วล่ะครับ

เริ่มจากงานวันเกิดในหมู่เพื่อนฝูงคนสนิทขยายใหญ่โตเป็นงานรื่นเริงประจำปี จากโรงแรมเล็กๆ ย้ายไปโรงแรมย่อมๆ จนล้นโรงแรมขนาดใหญ่ ด้วยจำนวนคนดูที่เพิ่มขึ้นทุกๆ ปี อีกหน่อย...ไม่พ้นอิมแพคเมืองทองธานี

คนทั่วไปที่ยังไม่เคยดู เห็นภาพแล้วคงคิดว่า เป็นงาน “บ้าบอคอแตก” ก็เห็นแต่งตัวหลุดโลกแปลงเป็นหญิงแล้วมาทำตลกขบขันปานนั้น ตรงนี้ไม่ว่ากัน เพราะท่านยังไม่เคยไปดู งั้นให้ผมพาไปเที่ยวต่อละกัน

งาน Miss AC/DC ซึ่งเป็นงานประจำก่อนจะสิ้นปี จะมีผู้เข้าประกวด (ทั้งเกย์ สาวประเภทสอง และกระทั่งผู้ชายทั่วไปแต่รักการแต่งหญิง) กรรมการ คนจัดงาน และผู้ชม ตั้งใจชมกันมากๆ เพราะในงาน นอกจากความ “บ้าบอคอแตก” อันเลอค่าที่เค้นมาจากความคิดสร้างสรรค์ล้วนๆ ของผู้เข้าประกวดแล้ว ผู้จัดงานยังต้องการสื่อสารเรื่องสิทธิมนุษยชน ปัญหาสังคมในปัจจุบัน และปลุกจิตสำนึกร่วมกันในการประพฤติตนด้วยสติ

ปีนี้ผู้จัดใช้ธีมของงานว่า “The True Slavery” หรือ “ทาสแท้” แล้วตั้งคำถามว่า คนเราตกเป็นทาสอะไรบ้าง? เลยไม่สงสัยเลยละครับ ถ้ามองฉากหลังสีขาวบนเวทีแล้ว ผู้ชมจะเห็นเป็นลูกกรงซี่ๆ เหมือนคุก ส่วนปีที่แล้ว ฉากประจำงานได้รับการออกแบบเป็นรูปหัวใจ เพราะใช้ชื่อธีมว่า “หนี้รัก”

ผู้เข้าประกวดต้องเสียเงินค่าประกวดเอง ร่วมทั้งต้องควักจ่ายให้ผู้ติดตาม และทีมงานทุกคนที่นำมาประกอบการแสดงส่วนตัว หรือกระทั่งแค่คนมาช่วยถือชายกระโปรงให้ผู้ประกวด ก็ต้องเสียเงินซื้อบัตรให้ด้วย ผู้ชนะทั้งหมด ไม่ว่าจากตำแหน่งอะไรที่มอบให้ในค่ำคืนนั้น ไม่มีเงินรางวัลให้ คงมีแต่ “ความภาคภูมิใจและกุศลบุญ” ผู้จัดว่างั้น

เรื่องเวที เพลง โชว์ แสง สี ไม่ต้องพูดถึงครับ เพราะลงทุนกันเต็มที่ คนนั่งหลังสุดก็เห็นเวทีได้ถนัดชัดตา เพราะมีจอโปรเจคเตอร์ใหญ่ยักษ์ถึงสี่จุด ครอบคลุมทั้งบริเวณงาน ซื้อบัตรแล้ว ผ่านประตูเข้ามา ทางด้านใน มีอาหารเลี้ยงต่อให้อิ่มหนำกัน อร่อยๆ ทั้งนั้น

งานนี้ผู้ชมส่วนใหญ่น่าจะเป็นมนุษย์สีรุ้งแทบทั้งนั้น แทบทุกทุกที่นั่ง ผมสังเกตเห็นผู้หญิงอยู่เหมือนกันนะครับ สัก 10-20 เปอร์เซ็นต์ ส่วนใครเป็นผู้ชายนั้น นอกจากเจ้าหน้าที่คุมเวทีแล้ว ที่เหลือ...ดูไม่ค่อยออก

ลำดับขั้นตอนการจัดงานก็ถอดมาจากการประกวดมิสยูนิเวิรส์อย่างเป็นเรื่องเป็นราว ซึ่งในปีนี้ มีผู้เข้าประกวดร่วมกันล้อเลียน 50 ประเทศ รวมทั้งมีผู้เข้าประกวดที่อุปโลกน์ตัวเองเป็นนางงามจากประเทศไทย

ที่โดดเด่นมากที่สุดคนหนึ่งคือนางงามตัวแทนจากสิงคโปร์ ซึ่งผู้เข้าประกวดพูดภาษาไทยไม่ได้ เข้าใจว่า เป็นลูกครึ่งสิงคโปร์ผสมญี่ปุ่น ข่าวแว่วว่า เขาเป็นผู้ชาย มิใช่เกย์ บนเวทีผู้เข้าประกวดท่านนี้จึงถือโอกาสสร้างคะแนนความน่าสนใจเพิ่มขึ้นอีก เมื่อ “เธอ” พาล่ามภาษาญี่ปุ่นสุดหล่อมายืนเกาะกุมเคียงข้าง ทำเอากรรมการกรี๊ดเสียงดังพอๆ กับผู้ชม

กิจกรรมและงานต่างๆ บนเวทีกินเวลายาวเหยียดจนผู้ชมเริ่มเห็นใจพิธีกรสองสาว “คุณพี่แพซซี่ และคุณพี่ปุ๋ย” จากที่เคยคึกคักในช่วงแรก ก็เริ่มโรยแรงอย่างเห็นได้ชัด ประตูเปิดหกโมงเย็น งานบนเวทีเริ่มประมาณหนึ่งทุ่ม แล้วก็ลากยาวมาเสร็จราวเที่ยงคืนครึ่ง ผมก็อยู่รอจนจบล่ะครับ เพราะอยากรู้ว่าใครจะเป็นผู้ชนะในปีนี้ เหนื่อยแทนคนจัดจริงๆ

จากห้าสิบคนเหลือสิบคน และเหลือห้าคนสุดท้าย พวก “หล่อน” พาตัวเองผ่านคำถามที่ผู้ชมต่างพากันทึ่งที่ผู้จัดคำถามไม่มีความปรานีผู้เข้าประกวดเลย

ตัวอย่างเช่น...(คำถามประมาณว่า).....อะไรคือปัญหาเรื่องสิทธิมนุษยชนในการแข่งขันกีฬาโอลิมปิค?(ถามมิสไชนีส ไทเป), ขณะที่โลกถูกครอบงำด้วยการโฆษณาให้คนโหยหาความเป็นหนุ่มเป็นสาว แล้วคุณจะมองความแก่อย่างไร? (ถามมิสสิงคโปร์)

มีเด็ดอีกคำถามหนึ่งคับ สำหรับมิสเจแปน...เธอโดนว่า ช่วยอธิบายความหมายของคำว่า เผด็จการทหารและความรู้รอบเตียงหน่อย?

ส่วนนางงามผิวหมึกที่ประกาศตนว่ามาจากประเทศยากจนและเป็นประเทศที่มีชื่อจำยากประเทศหนึ่ง “บูรีน่า ฟาโซ (Burina Faso) จับได้คำถามที่เหมาะกับเธอมากๆ คำถามราวๆ ว่า คุณจะจัดการกับลัทธิบริโภคนิยมได้อย่างไร (แถมพิธีกร ยังดักคออีกด้วยว่า ห้ามตอบว่า เศรษฐกิจพอเพียง...) ในช่วงสัมภาษณ์นี้ ดูความยากจนที่เธอว่าแล้ว คงขัดๆ กับชุดทองคำทั้งตัวที่เธอใส่มา

ทุกนางงามดูเหมือนเอาตัวรอดไปได้ดี แต่มีนางงามคนหนึ่งที่ไม่เพียงแต่เอาตัวรอดจากคำถามสุดหินแล้ว เธอยังตีตื้นทำคะแนนด้วยการ “แย่งซีน” ทุกๆ คนที่อยู่รอบๆ ตัวเธอ ไม่เว้นพิธีกร

พอโดนคำถามที่ว่า “จงตั้งคำถามที่ยากที่สุดหนึ่งคำถาม” เธอก็ไม่ลังเลเลยที่จะตั้งว่า “คืนนี้ ออสกี้...จะได้เป็นนางงามหรือเปล่า?” ฟังดูไม่ค่อยฉลาด แต่แล้วหล่อนก็ตบตูดด้วยท่าทางคิกขุ เขินอาย เรียกคะแนนความน่ารัก พร้อมเฉลยให้ผู้ชมทราบว่า ที่เธอมีอากัปกิริยาดั่งเด็กวัยรุ่นปานนั้นน่ะ เพราะเธอยังไม่ครบสิบแปดเลย คือออสกี้ เป็นนางงามวัยรุ่นสหรัฐน่ะ แล้วผู้ชมก็ฮาตรึม

ฉับพลันเธอก็เข้าควบคุมเวทีด้วยการลากเรื่องราวผูกโยงประวัติส่วนตัวของเธอ พร้อมอุปโลกน์ว่า เธอมี “อาม่า” อยู่คนหนึ่ง ซึ่งคล้ายๆ กับพี่พิธีกรที่ยืนอยู่ข้างๆ เนี๊ยะ ว่าแล้ว เธอก็ตรงเข้าสวมกอด “อาม่า” ทำท่าซบ ขยายเวลาบนเวทีของเธอซะเลย เรียกเสียงปรบมือเกรียวกราว

จบจากคำถามรอบสิบคน บรรดาผู้ได้เข้ารอบต้องเตรียมการแสดงความสามารถพิเศษ นางงามแคระจากญี่ปุ่น (บนเว็บของกองประกวดแจ้งว่า ปีที่แล้ว เธอรับบทเป็นมิสออสเตรเลีย) ก็เผยกายในชุดเหลือง นักฆ่าสาวอูม่า เธอร์แมน (ขนาดย่อม) จากหนังดังเรื่อง Kill Bill เธอเข้าฟาดฟันศัตรูจนล้มตายไปหมด (พิธีกรเห็นลีลาเธอแล้ว อดไม่ได้ที่จะเรียกเธอว่า อูม่า เธอ-สั้น) ก่อนหน้านี้ หล่อนเลือกชุดหนูน้อยอาราเล่ย์ ถีบจักรยานกระเดิบๆ เข้ามาบนเวที สำหรับชุดเปิดตัวของเธอ

มิสสิงคโปร์ คงเป็นนักกีฬายิมนาสติกมาก่อน จากชุดการแสดงที่พิธีกรแซวว่า “ผัวข้าใครอย่าแตะ” เธอสามารถตีลังกากลับหน้ากลับหลังอย่างมืออาชีพขณะต่อสู้กับผู้ร้าย

ขณะเดียวกัน ในช่วงแสดงความสามารถพิเศษ นางงามตัวแทนจากแดนสยาม มิส “แก้วหน้าม้า” (ปีที่ผ่านมา เป็นมิสรัสเซีย) ออกมาร่ายรำมีดพร้าพร้อมสาธิตการทำม้าก้านกล้วยอย่างถนัด แล้วนำไปขี่เล่นไปมารอบเวที

ส่วนมิสอินโดนีเซียคนเก่ง ยังคงนำเอาศิลปะการเชิดหุ่น โดยมีผู้ชายถอดเสื้อเชิดตัวเธอไปมา เรียกคะแนนได้อย่างสมใจ

มิสคนอื่นๆ ก็แสดงการเริงระบำประจำชาติอย่างโดดเด่น เสียดายตรงมิสลาวล่ะครับ (อดีต เป็นมิสฟิจิในการประกวดปีที่ผ่านมา) เธอสวย หุ่นดี มองดูคล้ายปารีส ฮิลตันผสมกับคริสติน่า อากีเลอร่า ยังไงยังงั้น

มิสลาวนำเสนอการแสดงสื่อผสมบนเวทีกับมิวสิควิดีโอบนโปรเจคเตอร์ แต่ผมคิดว่า ถ้าได้เติมพลังความสร้างสรรค์อีกนิด คงจะดี ถ้าเธอสามารถทำตัวหนังสือคาราโอเกะวิ่งไปวิ่งมาบนจอวีทีอาร์ที่ฉายประกอบการแสดง...แล้วให้คนดูร้องเพลงนั้นตามเธอ คงเรียกคะแนนไม่น้อย อีกอย่างเธอมีสุ้มเสียงใช่ย่อยซะเมื่อไหร่

และแล้วมิสออสกี้-นางงามวัยรุ่นสหรัฐจากแคลิฟอร์เนีย (ไม่ใช่แคลิฟอร์เนีย ว้าว-เธอประกาศ) ก็นำเอาความสามารถพิเศษของเธอคือ ปอมปอมเชียร์ มาโชว์ เธอมาพร้อมหนุ่มๆ ตัวโตๆ กระโดดโลดเต้น เรียกเสียงเชียร์ตลอดสองนาทีที่กำหนด หลังจากให้หนุ่มๆ ยกตัวเธอขึ้นยืนตั้งตรงบนอากาศแล้ว เธอก็แสดงน้ำใจสลับตัวเองลงพื้น แล้วยกหนุ่มคนหนึ่งด้วยแขนสองข้างขึ้นไปเหนือศีรษะเธออย่างแข็งแรงและบึกบึนและเหลือเชื่อ!

ชื่อของเธอ “ออสกี้” คงมาจากรูปพรรณสัณฐานกลมอ้วนของเธอ หรือดูๆ ไปก็คล้ายปลาวาฬขนาดเล็ก

รอบห้าคนสุดท้ายเพื่อตัดเชือกว่า ใครจะเป็น Miss AC/DC 2006 มิสออสกี้ก็ฉลาดล้ำอีกคร้ง โดดเด่นเหนือใคร

คำถามสำหรับผู้เข้าประกวดทุกคนคือ “จงปลดปล่อยมวลมนุษยชาติให้เป็นไท ด้วยคำแนะนำสามข้อ” เพียงคำตอบแรก ก็เรียกเสียงเชียร์จากผู้ชมได้แล้ว เธอบอกง่ายๆ สั้นๆ ว่า ให้รู้จัก ลด-ละ-เลิก ยังไงล่ะคะ
แล้วม้ามืดจากยูเอสเอก็เป็นผู้คว้ามงกุฎไปในปีนี้อย่างไร้ข้อกังขา

ยังมีเนื้อหาที่น่าสนใจมากมายนะครับ กว่าจะจบรายการ หัวเราะจนปวดท้องล่ะครับ ปีหน้า ถ้าไม่ติดธุระอันใด ผมคงมารายงานต่อ ติดตามรายละเอียดอื่นๆ ได้ที่ http://www.missacdc.com

-end-
All rights reserved.

7 comments:

คิวว์ said...

ไม่บอกข่าวล่วงหน้าล่ะพี่

โธ่ แบบนี้ข้าพเจ้าก็ชวดหมด อดดูกันพอดี

Anonymous said...

เคยดูข่าวการประกวดนี้เมื่อซัก2-3ปี ที่แล้ว หัวเราะจนปวดท้อง ไม่รู้แต่ละคนคิดได้ยังไง ไอเสียบรรเจิดสุดๆอ้อ พี่วิทยื ไม่คิดจะวิจารณ์ king and the crown หน่อยเหรอคะ อยากอ่านมากๆเลยค่ะ

Anonymous said...

^^^^^^ พิมพ์ผิด ไอเดียค่ะ sorryyyyyyy

Anonymous said...

น่าหนุกหนาน ต้องวงในจริงๆหรือป่าวครับ
ไม่ได้ยินข่าวเคย คริคริ

Anonymous said...

เกือบได้ไปดูเหมือนกันครับ มีคนจะให้บัตรฟรี แต่ผมดันไม่ว่าง

เสียดายตามเคย!!!!!

บางคนอาจจะดูว่ามันไร้สาระ แต่ผมว่าจริงๆแล้วมันโคตรจะมีสาระแฝงเต็มไปด้วย เท่าที่อ่านจากบทความพี่ดู ไม่ว่าจะเป็นคำถาม
"อะไรคือปัญหาเรื่องสิทธิมนุษยชนในการแข่งขันกีฬาโอลิมปิค?" - - - คนทั่วๆไปมีใครคิดถึงกันบ้าง

"เผด็จการทหารและความรู้รอบเตียงหน่อย?" - - - มีใครมองเห็นประเด็นเหล่านี้บ้าง แม้แต่พวกเราเองก็ตาม

ผมมองว่าการประกวดที่เกิดขึ้นเป็นการแสดงถึงตัวตนและการช่วงชิงพื้นที่สาธารณะเล็กๆ เพื่อให้เห็นว่า "มิใช่แค่ความสนุกพื้นๆธรรมดา แต่ยังคำนึงถึงประเด็นวัฒนธรรมย่อยๆที่มีในสังคม ที่โดนวัฒนธรรมหลักกลบหายไปเกือบเสียหมด

ดังนั้น "ไม่ใช่ใครก็จะมาประกวดที่เวทีนี้ได้ ถ้าไม่มีกึ๋น"

Anonymous said...

ผมตามไปอ่านดูในเว็บของการประกวด miss acdc แล้ว เห็นว่ามีผู้ประกวดบางท่านก็เข้ามาโพสว่า ผู้เข้าประกวดต้องเสียค่าแต่งตัว เสียค่าบัตร ทั้งของตัวเองและของพี่เลี้ยง ไปในจำนวนไม่น้อยในแต่ละครั้ง ซึ่งทางเจ้าภาพผู้จัดงานก็เข้าไปชี้แจงวัตถุประสงค์ของการจัดงานในแต่ละครั้งว่า เพื่อเป็นการทำบุญ แต่ข้อความที่โพสต์ไว้ช่างขัดกับวัตถุประสงค์หลักเสียจริงตรงที่ว่า
มีค่าใช้จ่ายในการเช่าสถานที่จัดงาน "1 ล้านบาท"
รวมทั้งค่าใช้จ่ายอะไรต่อมิอะไรอีกเยอะแยะมากมาย อีกทั้งต้องมาเหนื่อยกับการบริหารจัดการในวันงาน
แต่ยอดบริจาคเพียง "1-2 แสน" ดู ๆ แล้วมันช่างเป็นการจัดงานเพื่อสนองตัณหา (เอ๊ะ ! ใช้คำแรงไปหรือเปล่าน้อ) สู้เอาเงินค่าเช่าสถานที่ รวมทั้งค่าใช้จ่ายของผู้เข้าประกวดของแต่ละคนรวมตัวกันไปบริจาคเลยแล้วประชาสัมพันธ์ว่ากลุ่มคนสีรุ้ง รวมตัวกันเพื่อบริจาคเงินให้กับวัด "พระบาทน้ำพุ" ดูจะสวยหรู กว่า มั๊ยครับ

นี่ก็เป็นความคิดเห็นส่วนตัวนะครับ ใครไม่เห็นด้วยอย่างไร ก็แสดงความคิดเห็นได้ครับ (ห้ามด่า เพราะเชื่อว่าทุกคนมีโอกาสแสดงความคิดเห็นกันได้จริงมั๊ยครับ)

Vitaya S. said...

ขอบคุณครับสำหรับทุกๆ ความเห็น...คิวว์...ไม่ได้บอกล่วงหน้า เพราะ อ้ะ...อ้ะ... ลืมน่ะ ขออำภัย bee...ไม่ได้เขียน king and the crown ก็คือ...ดูแล้วสับสนกับตัวเอง เลยกลัวเขียนแล้วไม่สนุกน่ะจ๊ะ...anonymous...ไม่ต้องวงในเลยครับ ใครไปดูก็ได้ ไม่มีพรรคพวก...eit...มันก็ทั้งสาระและความบ้าบอผสมกันนั่นแหละ ต้องบอกว่า aburdity มากกว่า...มั้ง...anonymous (อีกคน)..ก็ถูกเลยแหล่ะ จัดสนองตัณหาคนจัด เพราะมันเป็นงานปาร์ตี้เพื่อนฝูงมาก่อน แต่คงคิดว่า ทำไงให้มันหนุกยิ่งขึ้น แล้วหาเรื่องไปทำบุญด้วย คือ ถ้าอยู่ดีๆ เรี่ยไรเงิน ก็คงไม่ได้สนองตัณหาด้วยไง คือพี่วิทย์ว่า ถ้าเขาทำแล้วเอาเงินเข้ากระเป๋า รวยกันไป ก็ได้บาปกรรมไปเองล่ะ อันนี้ มีหลายมุม พูดยากเหมือนกันนะ