Sunday, March 25, 2007

กว่าจะถึงวันนี้ของเรา

เลิกแอบเสียที / วิทยา แสงอรุณ Metro Life นสพ. ผู้จัดการวันเสาร์ vitadam2002@yahoo.com 24-25 March 2007

“ธนา” เพิ่งนึกออกโปรเจ็กต์ที่เขากำลังหาข้อมูลอยู่ มีบุคคลหนึ่งที่น่าจะช่วยให้มันลุล่วงได้ และอีกอย่าง เขากับ “พจน์” ไม่ได้คุยกันมาสักพักใหญ่แล้ว งั้น...คงเป็นโอกาสอันดีที่จะโทรฯ ถามไถ่สารทุกข์สุกดิบเพื่อนรุ่นน้องคนนี้เสียเลยดีกว่า

พจน์เปลี่ยนเบอร์มือถือ เขาเลยโทรฯ ไปที่บ้าน สองสามหนก็แล้ว พจน์ไม่เคยอยู่บ้านทั้งๆ ที่เป็นวันหยุด เขาคงมีธุระยุ่ง

ตอนเรียนอยู่ที่เดียวกัน สองคนสนิทกันมาก เวลามีปัญหาอะไร พจน์จะขอความเห็นจากธนาก่อนเสมอ เรียนจบ ต่างคนก็ห่างเหินกันไปตามวิถี ธนาเคยนึกอยากให้วันคืนดีๆ ที่สนุกสนานเฮฮากับน้องผู้นี้กลับมาอีกครั้ง

ตกเย็นแล้ว เขาลองอีกครั้ง คราวนี้มารดาของพจน์รับสาย หล่อนรู้สึกแปลกใจ แต่สิ่งที่หล่อนกำลังจะบอกธนา มันน่าแปลกใจยิ่งกว่า

“ไม่อยู่จ้ะ....เพิ่งแต่งเมียไป เมื่อต้นปีนี้เอง ต้องขอโทษแทนพจน์ด้วยนะที่ไม่ได้บอก แต่งกันแบบเล็กๆ ง่ายๆ น่ะ” เสียงมารดาเจื้อยแจ้ว

ข้อมูลอีกอย่างที่ทุ่มความอึ้งทิ้งไว้ในหัวของธนาก็คือ คนที่เขาแต่งด้วยเป็นรุ่นน้องผู้หนึ่งที่ธนาก็รู้จักดี เขานึกทบทวนอย่างรวดเร็ว สองคนนี้ไม่เคยมีวี่แววใดๆ ว่าจะควงกันเป็นแฟน หรือมีแผนจะใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันเลย อีกอย่าง น้องผู้หญิงก็ไม่เคยสนผู้ชายอย่างพจน์ ส่วนพจน์เคยประกาศก้องถึงคุณสมบัติของเมียในอนาคต ที่ฟังดูแล้ว ไม่น่าจะมีอยู่ครบในผู้หญิงคนใด

หลังจากมารดาบอกเบอร์ใหม่ของพจน์ ธนาพยายามสะกดกลั้นความสงสัยที่อยากจะถามต่อ เขาต้องไม่ถามอะไรมากกว่านั้นเพื่อจะได้รู้ความจริงด้วยตัวเอง ขณะเดียวกัน เขาก็อดรู้สึกน้อยใจไม่ได้ที่รุ่นน้องคนสนิทอย่างพจน์แต่งงานไปโดยไม่บอกสักคำ?

เขาโทรฯ ไปอีกครั้ง แต่พจน์ไม่รับสาย จนกระทั่งสี่ทุ่ม พจน์โทรฯ กลับมา พูดเสียงเบาเหมือนกระซิบ

“พี่ครับ เดี๋ยวผมโทรฯ ไปใหม่นะครับ....รอให้แฟนหลับก่อน”

เขายิ่งรู้สึกงงที่ได้ยินอย่างนั้น เขาโทรฯ หาพจน์ทั้งวัน แล้วพอได้รับโทรศัพท์ ก็ต้องรอต่อไปอย่างไม่รู้จุดหมาย เวลาผ่านไปอย่างเชื่องช้า ห้าทุ่มเศษแล้ว และแล้วพจน์ก็โทรฯ มาอีกครั้ง การได้คุยกันครั้งนี้ นั้น ธนาไม่รู้ตัวเลยว่า กำลังเผชิญกับอะไรอยู่

“ทำไมเอ็งแต่งงานไม่บอกข้า?” เขายิงคำถามที่สุดแสนอัดอั้น

“ผมเหงาน่ะครับ” พจน์ตอบลอยๆ

ธนาเริ่มไม่เข้าใจยิ่งขึ้น เหงาน่ะเหรอ ถึงแต่งงาน? “นี่ตกลงเอ็งรักเขาไหมเนี่ย” เขาสวนกลับ

พจน์เงียบไปสักพัก แล้วเขาก็พูดสิ่งที่เพื่อนผู้พี่คนนี้ หรือใครก็ตามไม่เคยคาดคิดมาก่อน

“พี่ธนาครับ...พี่คิดยังไงกับผม”


“ก็เอ็งเป็นรุ่นน้องข้า ข้าก็คิดเหมือนเอ็งเป็นน้องชาย…ถามทำไม”

“แต่ผมไม่ได้คิดอย่างงั้นกับพี่” เสียงของอีกฝ่ายหนักแน่นขึ้น

“อะไรวะ เอ็งเป็นไรไปเนี่ย” ธนาเริ่มหงุดหงิด หัวใจของเขาเริ่มเต้นแรง ขออย่าให้เป็นอย่างที่คิดเลย แต่สายไปเสียแล้ว

“ผมอยากจะบอกพี่มาตั้งนานแล้ว....พี่ครับ...ผมรักพี่”

ธนาพูดอะไรไม่ออกในเวลานั้น ตอนที่เขาเล่าเรื่องนี้ให้ผมฟัง เขาบอกว่าเขารู้สึกช็อคมากแค่ไหนที่ยินคำนั้นจากปากรุ่นน้องอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย ไม่มีบอกใบ้หรือบอกทาง เขายืนยันว่า เขาไม่เคยมีจิตพิศวาสกับพจน์มาก่อนเลย เป็นไปได้ยังไงที่มาสารภาพรักกับเขา ตอนนี้ ณ เวลานี้ ในสถานภาพของสามีของผู้หญิงคนหนึ่ง? แล้วหล่อนก็เป็นคนที่เขาก็รู้จักคุ้นเคย

มันอะไรกันเนี่ย?


“พี่ครับ ผมอยากจะบอกพี่มาตั้งนานแล้ว ผมเห็นพี่ครั้งแรกที่มหา’ ลัย ผมก็ชอบพี่เลย แต่พี่ไม่เคยเห็นผมเลย” เสียงตัดพ้อไหลมาตามสาย

“ก็บอกแล้วไงว่า มีอะไรให้มาปรึกษา มาถามได้ แล้วทำไมไม่มาบอกก่อนจะแต่ง” ธนาเริ่มเสียงดัง

“แล้วถ้าผมบอกไป พี่จะรับผมเป็นแฟนหรือเปล่า”

อีกครั้งที่ธนาต้องอึ้งกับสถานการณ์ที่เขาไม่คาดคิดมาก่อนเลยว่าจะเกิดกับตัวเอง แล้วจะทำยังไงต่อไป? เขาถามตัวเองว่า เขาแน่ใจหรือว่า เขาไม่เคย “รู้สึกเป็นพิเศษ” อะไรกับรุ่นน้องคนนี้? ตอนเรียน เขาไม่ได้เปิดเผยให้ใครๆ รู้เลยว่า เขาก็ชอบผู้ชายเหมือนกัน เขาเป็นนักกีฬา สุดยอดนักนักกีฬา ใครจะคิดว่า เขาเป็นเกย์คนหนึ่ง แล้วพจน์รู้ได้ยังไง?

แต่ความทรงจำของพจน์แจ่มชัดอยู่เสมอ เขาเริ่มย้อนความให้ธนารับรู้ถึงเหตุการณ์ต่างๆ ที่เขาพยายามจะบอกธนาว่า เขาหลงรักพี่ชายคนนี้มานานแล้ว

“พี่จำได้ไหม ผมเคยนอนกอดพี่ ผมเคยขอจับ....พี่ พี่ก็ไม่เคยปฏิเสธผม พี่ไม่ชอบนอนบนที่นอน ผมก็ย้ายลงมานอนกับพี่บนพื้น เป็นเพื่อนพี่ ตอนเราไปออกค่ายกัน ตอนช่วงซัมเมอร์ พี่ไม่รู้หรอกว่า ผมรู้สึกแย่แค่ไหน ที่พี่ไม่เคยชวนผมไปพักค้างคืนด้วยเลย ตอนพี่ย้ายออกมาอยู่คนเดียว แต่พี่ก็ชวนคนอื่นๆ ไป”

ธนาเริ่มรู้สึกว่า เรื่องราวชักบานปลายใหญ่โตกว่าที่เขาคิด เขารีบตัดบท “แล้วนี่เอ็ง แต่งงานไป เดี๋ยวมีลูกขึ้นมา จะทำยังไง”

พจน์บอกว่า เขาระวังตัวอยู่แล้ว และพยายามให้ภรรยากินยาคุมอยู่เสมอ “ผมแต่งงานได้ ผมก็เลิกได้” พจน์ประกาศอย่างมั่นใจ

ธนารู้สึกสับสน แต่งงานเพราะเหงา? มันเข้าใจยากจัง พจน์อ้างว่า แฟนของเขาก็บอกว่า เหงาเหมือนกัน
วันนั้น ธนาได้คุยกับพจน์ยาวนานมากทั้งๆ ที่เขารู้สึกอึดอัดขึ้นทุกขณะ แต่ก็ยังพยายามมองหาทางออกให้รุ่นน้องอย่างที่เขาเคยทำมา พจน์เสนอตัวว่า จะขับรถข้ามจังหวัดมาหาเขาถึงที่พักในวันรุ่งขึ้น เขาปฏิเสธ แต่ก่อนจะวางหูโทรศัพท์ ธนาต้องย้ำกับพจน์อีกครั้ง “สิ่งใดที่คนเราทำขึ้น เราต้องเป็นผู้รับผิดชอบ และรู้จักจัดการให้ดีที่สุดนะ”

ตอนนี้ พจน์กลับเป็นฝ่ายที่โทรฯ มาหาธนา ธนาไม่รู้ว่า เรื่องนี้จะจบลงอย่างไร หรือมันจะคาราคาซังอย่างนี้?

-end-

All rights reserved.

13 comments:

Anonymous said...

ปกติผมจะเป็นคนที่อ่านเรื่องราวต่างๆ ที่คุณวิทยานำมาเสนอเฉย ๆ ไม่เคยให้ความเห็นอะไรเลย แต่อ่านเรื่องนี้จบแล้วทนไม่ไหวเพราะเป็นเรื่องที่เพิ่งพบมากับตัวเองเหมือนกัน เพียงแต่เป็นรุ่นพี่ของผมที่แต่งงานไปเมื่อ 1 เดือนที่ผ่านมานี่เอง พี่คนนี้เป็นรุ่นพี่ที่คณะเดียวกันกับผม แต่แก่กว่าผม 2 ปี ซึ่งเราไม่เคยเจอกันตอนเรียนเลย เนื่องจากพี่เค้าเป็นนักกีฬา แต่ผมไม่สนใจกีฬาเลย จนเมื่อผมเรียนจบก็ได้มาทำงานที่บริษัทเดียวกันกับรุ่นพี่คนนี้ การที่พี่เค้าเป็นคนเก่ง มีความสามารถ มีความมั่นใจ ทำให้ผมหลงรักพี่เขา แต่ก็ไม่คิดว่าจะได้สิ่งใดตอบแทนกลับมาเนื่องจากพี่เขาไม่ได้มีท่าทีว่าจะชอบผู้ชายด้วยกันเลยแม้แต่น้อย จนกระทั่งเราได้มีโอกาสที่จะอยู่ด้วยกันตามลำพังตอนไปเที่ยวประจำปีของบริษัทฯ ดูเหมือนพี่เขาจะรู้ว่าเขาเป็นผู้ชายคนแรกของผม ทำให้พี่เขาบอกกับผมว่า ผมยังเด็ก อนาคตยังมีอีกยาวไกล ถ้าเป็นไปได้อย่าไปทำอย่างนี้กับใครอีกนะ ตอนนั้นผมยอมรับว่างงกับคำพูดของพี่เขา แต่ก็ไม่ได้คิดอะไรมาก เนื่องจากยังตื่นเต้นกับสิ่งที่พี่หยิบยื่นให้ผมอยู่ เราทั้งสองคนหาโอกาสที่จะมีความเป็นส่วนตัวมากขึ้นจนเริ่มมีบางคนสงสัยในพฤติกรรม ในขณะเดียวกันก็เริ่มมีผู้หญิงเข้ามาในชีวิตพี่เขา รวมทั้งผมก็มีภาระหน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบมากขึ้น เราก็เริ่มห่างกันไป จนผมมาทราบจากเพื่อนรุ่นน้องว่าพี่เขามีแฟนเป็นตัวเป็นตน (และเป็นผู้หญิง)แล้ว ผมก็เริ่มตัดใจ จนมาเมื่อปลายปีที่แล้วพี่เขาทำเรื่องย้ายไปทำงานต่างประเทศ แต่พี่เขาไม่บอกผมซักคำ ให้ผมรู้เรื่องจากเพื่อนรุ่นน้องคนเดิมอีก พี่ไปทำงานได้ 1 เดือนก็กลับมาเมืองไทย 3 วัน วันสุดท้ายที่จะเดินทางกลับพี่เขาก็เข้ามาที่ office ผมได้มีโอกาสคุยกับเขาก็ตอนที่ผมจะกลับบ้านแล้ว ผมถามเขาว่ากลับมาทำไมเพิ่งจะไปแค่ 1 เดือน พี่บอกว่ากลับมาแต่งงานแล้วจะพาภรรยาไปอยู่ด้วยกันที่โน่น ผมอึ้งไปแลยว่าพี่เขาแต่งงานโดยที่ไม่บอกผมซักคำ ถ้าผมไม่ถามก็คงไม่คิดจะบอก ผมเลยถามพี่เขาว่ารู้หรือเปล่าว่าผมเสียใจ เขานิ่งไม่ตอบ ผมเลยบอกว่าแต่ไม่เป็นไรผมยินดีที่ได้เห็นคนที่ผมรักมีความสุข ถึงแม้เขาจะไม่เห็นเรามีความหมายเลยก็ตาม

ตอนนี้พี่เขากลับไปทำงานที่ต่างประเทศพร้อมภรรยาได้เดือนนึงแล้ว ไม่มีการติดต่อกลับมาจากพี่เขาอีกเลยไม่ว่าจะเป็นเพื่อนร่วมงานคนไหนก็ตาม ผมหวังว่าพี่เขาคงจะมีความสุขกับสิ่งที่ได้เลือกแล้ว ขอให้โชคดีครับ

ผมคิดว่าพี่คงไม่ได้เข้ามาอ่าน comment ของผม แต่ถ้าได้อ่านผมขอบอกว่าผมยังเหมือนเดิม และยังทำตามที่พี่ขอไว้เสมอครับ

Anonymous said...

no comment ค่ะ ไม่รู้จะเขียนอะไรดี เรื่องอย่างนี้ให้คุณธนาตัดสินใจเอาเองค่ะ

Anonymous said...

ผมว่าพจน์เห็นแกตัวไปหน่อยนะ เพราะว่าไปรั้งชีวิตผู้หญิงไว้อีกตั้งคนนึง เพราะแค่ "ความเหงา" ตอนจบ ก็ขึ้นอยู่กับพจน์ละมั้งครับ ว่า จะเลือกพี่ธนา หรือว่าภรรยา เลือกตามหัวใจตัวเองดีที่สุดครับ

เอาใจช่วยนะครับคุณน้องคนเดิมพี่เปลี่ยนไป สู้ๆๆครับ

Anonymous said...

ขอพื้นที่ให้เรื่องเก่าหน่อยนะคับ
ผมซื้อNotebookและต่อเนทเพื่อฟังรายการวิทยุที่http://www.nationradioonline.com เมื่อคืนวันเสาร์4ทุ่ม-เที่ยงคืน แต่ก็มีเพียงคลื่น90.5เท่านั้น และดีเจบอกเบอร์ให้โทรเข้าไปได้ เลยโทรไปถามถึงคลื่น98.75ของพี่ ดีเจบอกว่าเขาไม่ทราบ

ตอนนี้ยังมีรายการอยู่ไม๊คับ ไม่รู้ตัวเองเหมือนกันว่าทำไมอยากฟังมากขนาดนี้ คงอยากมีเพื่อนคุยน่ะคับ

Anonymous said...

(p vitaya-from trang and krabi)
can not type in Thai krab

thanks for all commments.
the radio channel is FM95.75
saturday 22-00 midnight
when getting into
www.nationradioonline.com

click a banner on the left-
handed side: FM95.75 krab

Anonymous said...

ผมไม่อยากให้ ความเหงา เป็นตัวชักนำเรื่องราวต่างๆเข้ามา บางครั้งควรหาทางอยู่กับความเหงาให้เป็น เอาใจช่วยคุณพจน์ คุณธนา และทุกคน

จากคนที่เหงาเหมือนกัน :)

Anonymous said...

ขอยืมประโยคเด็ดของ ลี้มกโช้ว จากเรื่องมังกรหยก หน่อยนะคะ


"ข้าขอสาบานต่อฟ้าดิน ว่าข้าจะกำจัดผู้ชายโฉดทุกคนที่เห็นความงามของสตรีเช่นเราเป็นเครื่องเล่น"
(ว่าพลาง หันไปตวาดศิษย์เอก "เล้งปอ ฆ่ามันซะ")

ในเรื่องนี้ รู้สึกว่าจะมีชายโฉด อยู่สองคนค่ะ แล้วก็มีสตรีนางหนึ่งไม่รู้อิโหน่อิเหน่

แวะเข้ามาอ่าน เรื่อง พะอืดพะอมเรื่องหนึ่งค่ะ ไม่อยากตัดสินใจ ไม่สามารถตัดสินใจ และไม่สนใจจะตัดสินใจ ว่าใครผิด ใครถูก และควรจะทำอย่างไรต่อไป

มนุษย์ มักชอบเล่นกับไฟ และมักปลอบใจตัวเองเสมอว่า ไม่เป็นไรแค่ไฟลวก ชิวๆ เดี๋ยวก็หาย ถือเป็นประสบการณ์ โดยมิได้สนใจว่า ไฟลามไปลวกคนรอบๆ ข้างด้วยหรือไม่

จำเนียรกาลผ่านไป มิช้ามินาน ก็คงจบลงด้วยความโศกเศร้า (คำสาป หรือคำทำนาย ปนๆ กัน)

ประเด็นของคุณวิทยาดีค่ะ ดีตรงที่ว่า แอบทำไม เราไม่จำเป็นต้องประกาศก้องไปทั่วปฐพีว่าฉันเป็นชายรักชาย แค่เราไม่แอบกับคนที่เขาเปิดเผยกับเราก็น่าจะเพียงพอ

อ่านๆ ดู ดูเหมือน ต่างคนต่าง "แอบ" ความรู้สึกของตัวเอง ด้วยเหตุผลอะไรบางอย่าง (ที่ไม่อาจเข้าใจ เพราะข้อมูลน้อย) โดยส่วนตัวคิดว่า มันไม่ดีต่อใครทั้งนั้น ไม่ว่าเรา เขา และเธอ (เหยื่อ?)คนนั้น

จะว่าไป ความรักก็เปรียบไปเหมือนดัง นางหมาไน ที่ออกล่าขย้ำหัวใจมนุษย์ กินเป็นอาหาร โดยได้หามีความปราณีหรือเมตตาประการใดไม่

ความรัก มักเป็นเช่นนี้เอย..

สาวอิสานรอรัก

Anonymous said...

= ="
คนเรามักจะนึกถึงตัวเองก่อนผู้อื่นเนอะครับ
สุดท้ายก็ต้องเจ็บปวด
ทั้งตัวเอง
และคนที่เขาไม่น่าจะต้องมาเกี่ยวข้องด้วย

Anonymous said...

บอกได้คำเดียว ... จะเป็นลม

Anonymous said...

"เกย์ดี ต้องไม่หลอกหญิง"ค่ะ
"เกย์ดี ต้องไม่หลอกใคร" ดีที่สุดค่ะ
จำได้ เกย์ทั้งหลาย

สาวอิสานรอรัก

Anonymous said...

เห็นด้วยครับ ว่าเกย์ไม่ควรหลอกหญิง
เขาก็มีหัวใจเหมือนเรา
อย่าไปเอาชีวิตเขาทั้งชีวิตมาเป็นแค่ เหยื่อ หรือ เสื้อคลุมขนแกะ

คุณธนา ในท้องเรื่องที่คุณวิทยาเขียนนี้ ก็ควรเลิกติดต่อกับน้องพจน์ซะ มันบาป(ว่ะ)

คุณน้องคนเดิม พี่เปลี่ยนไป ก็ไม่ตัดใจซะเถอะครับ
ไม่ช้าก็เร็ว เราคงลืมได้
ตัดใจจากคนโลเล ไม่ยากเลย จริงๆ

big

Anonymous said...

สำหรับคุณพจน์และคุณธนา ผมอยากให้คุณธนาเคารพการตัดสินใจของคุณพจน์ ถึงแม้ว่าจะเป็นการเห็นแก่ตัวเกินไปที่ดึงผู้หญิงที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่เข้ามาเกี่ยวข้องด้วย อย่าไปทำให้ใครตองเสียใจอีกเลยครับ

ปล. ตอนนี้ผมรู้สึกดีมากขึ้นแล้วครับ ขอบคุณทุกกำลังใจที่มีให้ ผมสัญญาว่าจะสู้ต่อไปครับ

Anonymous said...

ประเด็นเรื่องการแอบที่ คุณสาวอิสานรอรัก เขียนมานี่น่าสนใจนะครับ

แต่ผมมีคำถามนึงแว่ปขึ้นมาอีกว่า แม้เราทุกคนจะเลิกแอบกันหมด เหตุการณ์แบบนี้จะยังเกิดขึ้นหรือไม่ การแอบรัก จะหมดไปหรือไม่

ถึงแม้โลกนี้จะมีแค่ผู้ชาย-ผู้หญิง การแอบรักก็มีสาเหตุจากสิ่งแวดล้อมต่างๆ เช่นสถานภาพ ความเหมาะสม ช่วงเวลา ความพร้อมของทั้งสองฝ่าย ซึ่งแม้แต่โลกที่มีแต่เกย์ก็คงจะเป็นเช่นนั้นด้วยกัน

ปัญหาที่แท้จริงที่ในความเห็นของผมน่าจะเป็นความเสียสละต่างหาก

เราพร้อมที่จะเสียสละแค่ไหนเพื่อคนที่เรารัก ชื่อเสียง เงินทอง ครอบครัว หรือตัวตนของเรา

แน่ล่ะที่จะมีบางคนเลือกที่จะเสียสละทุกอย่างเพื่อความรัก อาจฟังดูว่ายิ่งใหญ่ แต่ผลกระทบที่ตามมาใช่ว่าอยู่ที่เขาเพียงคนเดียว คนรอบข้างเขาล่ะ จะต้องเผชิญหน้ากับอะไรบ้าง

แม้จะเลือกที่จะไม่เสียสละเช่นนั้น อาจดูเหมือนทำเพื่อตัวเอง อาจดูเหมือนเห็นแก่ตัว แต่เคยคิดหรือไม่ว่าเขาเลือกที่จะให้ความเจ็บปวดตกอยู่แก่เขาคนเดียว มากกว่ายอมให้คนอื่นๆต้องเจ็บปวดเพราะการกระทำอันนั้น นั่นก็เป็นการเสียสละที่ยิ่งใหญ่เช่นกันไม่ใช่หรือ

Just a passer-by