Monday, December 19, 2005

รักไม่จำกัดแบบ?

เลิกแอบเสียที/วิทยา แสงอรุณ Metro Life นสพ. ผู้จัดการวันเสาร์
3-4 ธันวาคม 2005

คนที่ร่ำร้องอยากมีแฟนเป็นเรื่องเป็นราวคงต้องอิจฉา “ชายกลาง” อย่างช่วยไม่ได้เพราะหนุ่มคนนี้มีแฟนถึงสองคนและในเวลาเดียวกัน เปล่านะ ไม่ได้แอบคบอีกคนในฐานะ “กิ๊ก” แต่เขาคบสองคนอย่างเปิดเผย เกือบจะเป็น “เราสามคน” แล้วล่ะ

เพื่อป้องกันความสับสนในการเขียนถึงพวกเขา ผมขอเรียกแฟนคนแรกของชายกลางว่า “ชายเดิม” และแฟนคนที่สองว่า “ชายใหม่” คงจะไม่เหมาะเสียทีเดียวนักหากเรียกแฟนทั้งสองของเขาเรียงตามลำดับกันไปตามวาระว่า “ชายหนึ่งกับชายสอง” ทั้งนี้เป็น เพราะว่า ชายกลางบอกมาว่า รักทั้งสองคน “พอๆ กัน”

ถึงแม้ว่า ชายกลางจะคบหากับชายเดิมมาสี่ห้าปีแล้ว แต่ความผูกพันห่วงหาอาทรที่เขามีกับชายเดิมก็ได้แบ่งปันไปถึงชายใหม่ด้วยอย่างเหลือเชื่อ ชายกลางเพิ่งรู้จักและคบหาเป็นแฟนกับชายใหม่ได้ประมาณแปดเดือน แต่เขาก็ค้นพบอะไรหลายๆ อย่างที่ตรงกัน

ตอนที่ชายกลางพบชายใหม่ ชายกลางบอกว่า ชายใหม่ไม่ได้เป็นหนุ่มในสเปคของเขาสักเท่าไหร่ และจริงๆ แล้ว ชายเดิมก็ไม่ใช่หนุ่มในสเปคของชายกลางสักเท่าไหร่เหมือนกัน จากลักษณะภายนอก ทั้งสองคนดูจะ “ออกสาว” เล็กๆ (น่ารักดี) เมื่อเทียบกับชายกลาง สำหรับชายกลาง ดูภายนอกเป็นผู้ชายธรรมดาทั่วไปมากกว่า ข้อมูลตรงนี้ชายกลางบอกมาทางโทรศัพท์

เขาเล่าว่า ตอนแรกพบและได้รู้จักกับชายใหม่ ชายกลางเกิดความคิดว่า จะเป็นยังไงที่จะขอคบชายใหม่เป็นแฟนด้วยอีกคน

ชายใหม่ไม่ได้ตกลงปลงใจทันทีกับข้อเสนอแปลกประหลาดของชายกลาง เขาลองปรึกษาเพื่อนๆ และคิดอยู่หลายตลบ เพราะเขารู้อยู่แล้วว่า ชายกลางมีชายเดิมอยู่แล้ว

ความที่เป็นคนเปิดเผยและจริงใจจนเหลือเชื่อ ชายกลางก็ไปบอกชายเดิมด้วยว่า ได้พบชายใหม่และอยากจะคบหาชายใหม่เป็นแฟนด้วยอีกคน ชายเดิมจะว่าไง?

หากผมเป็นชายเดิมคงคิดหนัก นึกดูสิครับ อยู่ๆ แฟนมาบอกว่า จะขอมีคนอื่น เป็นใครก็ไม่รู้ แล้วจะมาแย่งเขาไปจากผมหรือเปล่าก็ไม่รู้อีก ผมคงบอกชายกลางว่า ถ้าจะคบอีกคน ก็แยกทางกันตรงนี้จะดีกว่า จะบ้าเหรอ คบกันยังไงสามคน?

แต่ผมก็ไม่ใช่ชายเดิมนี่นา ในที่สุด ชายเดิมบอกชายกลางว่า หากเป็นความพอใจของชายกลางที่จะทำอย่างนั้น ชายเดิมก็ไม่ขัด!!!

ยิ่งไปกว่านั้น ชายเดิมยังบอกอีกด้วยว่า ตัวเขาเองรู้สึกยินดีเสียอีกที่ชายใหม่เข้ามาอยู่ในชีวิตของเขาทั้งสอง จะได้มีคนเป็นห่วงเป็นใยชายกลางเพิ่มขึ้นอีกคน!!! เขารู้สึกขอบคุณชายใหม่อย่างแรง!!!

คุณผู้อ่านกำลังคิดว่า นี่เรื่องจริงหรือเรื่องแต่ง? ตอนแรกผมก็ยังเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่งอยู่ จนกระทั่งได้ไปเจอสามชายพร้อมๆ หน้ากัน ได้เห็นตัวจริงของเขาทั้งสามแล้ว (ขอบอก น่าร้ากทั้งสามคน) ผมเลยอยากรู้เรื่องราวของเขามากขึ้น

ที่สนใจคือ แล้วชายกลางจัดการบริหารเวลาของเขากับแฟนทั้งสองคนได้อย่างไรกัน?

เขาเผยว่า วันจันทร์ถึงศุกร์ เป็นวันสำหรับชายเดิม เพราะบังเอิญชายเดิมกับเขาเดินทางกลับบ้านโดยใช้เส้นทางเดียวกัน ทั้งสัปดาห์แห่งวันทำงาน เลยได้อยู่ด้วยกัน ส่วนวันเสาร์ เขาจะใช้เวลาอยู่กับชายใหม่ เพราะชายใหม่มีธุรกิจชีวิตอันแสนยุ่งเหยิง ชายใหม่ชอบเรียนอะไรใหม่ๆ เพิ่มเติมและเป็นนักกิจกรรมตัวยง

ดูๆ แล้ว ทุกอย่างน่าจะลงตัวด้วยดี แต่ผมก็ยังสงสัยอีก และกำลังคิดเปิดเปิงไปอีกด้วยว่า อย่างนี้ก็สนุกแย่นะสิครับชายกลาง ก็ Threesome ซะเลย!

แต่ชายกลางไม่ขำด้วย เขาบอกผมพร้อมน้ำเสียงกังวลว่า เขากลัว “Threesome” ที่สุด!

เขาเล่าต่อว่า แม้เขาทั้งสามคนจะคบกัน ไปไหนมาไหนด้วยกันอย่างเปิดเผย แต่สิ่งหนึ่งที่ชายกลางไม่อยากให้เกิดขึ้นได้ก็คือ การได้เห็นภาพชายเดิมกับชายใหม่ มีอะไรกัน และถึงแม้จะมีตัวเขาอยู่ในเหตุการณ์นั้นพร้อมกับทั้งสองคนด้วยก็ตาม

“ผมกลัวเขาสองคนเกิดชอบๆ กัน แล้วเขาจะทิ้งผมไปนะครับ พี่จะว่า ผมเห็นแก่ตัวก็ได้ ผมไม่อยากเห็นเขาสองคนมีอะไรกันจริงๆ” ชายกลางบอกย้ำ (หลายหน)

เขาไม่ได้เพียงพูดว่าตัวเองกลัว เขายังแปรเปลี่ยนความกลัวเป็นความทุกข์ คิดหนัก จนกระทั่งกระเพาะอักเสบต้องเข้าโรงพยาบาลไปแล้ว (หนึ่งหน)

สำหรับผมแล้ว จะเป็นไรไปในเมื่อสามคนคบหารักใคร่สมัครสมานสามัคคีขนาดนั้น? คุณว่าจริงไหม? ในเมื่อรักของเขาเป็นรักนอกแบบแล้วจะยึดติดอะไรตามกรอบเพื่อความปลอดภัยทางสังคมอีก?

ชายกลางเผยให้ฟังอีกว่า เขาทนเห็นแฟนของเขาสองคนทำกิจกรรม “รุก-รับ” บนเตียงไม่ได้เด็ดขาด เพราะเขาสองคนน่ะ “ขั้ว” เดียวกัน

ขั้วเดียวกันของชายกลางหมายถึง ชายเดิมและชายใหม่นั้นแม้จะดูมาดแมนน้อยกว่าชายกลางจากสายตาคนภายนอก แต่ทั้งสองคนเป็นหนุ่ม “รุก” ทั้งคู่ ขณะที่ชายกลางเป็นฝ่ายรับโดยธรรมชาติ

นอกจากนี้ ชายกลางผู้มีรูปแบบความสัมพันธ์ไม่เหมือนใคร ยังมีความขัดแย้งอะไรบางประการที่ฟังแล้ว ผมก็อดแปลกใจไม่ได้ เขาบอกว่า เคยเล่าให้เพื่อนฟังว่า แฟนคนหนึ่งของเขาทำออรัลเซ็กซ์ให้เขาด้วย และตัวเขาเองก็ชอบ เพื่อนๆ รีบว่ากล่าวตักเตือนชายกลางเป็นการใหญ่ โดยบอกว่า ฝ่ายรุก ไม่ควรทำออรัลเซ็กซ์ให้กับฝ่ายรับ เพราะมัน “ผิดธรรมเนียมปฏิบัติ”

เท่าที่ผมฟังๆ ดู ชายกลางดูเหมือนจะยังคงมีความเชื่อเช่นนั้นอยู่ ผมไม่รู้ว่า ใครไปกำหนดไว้ตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่ดูเหมือนจะมีหลายคนที่ยังคิดอย่างนั้น

ในที่สุด เขาก็อดรนทนไม่ไหวกับความอึดอัดทั้งปวงที่พุ่งปรี๊ดอยู่ในจินตนาการ เขาตอกย้ำตัวเองอยู่ตลอดว่า ชายเดิมกับชายใหม่ จะต้องแอบไปมีอะไรกันในที่สุด แล้วจะทิ้งเขาไป เขารู้สึกหวาดผวามากโดยเฉพาะหากมีทริปไปต่างจังหวัดกันสามคน แล้วต้องนอนห้องเดียวกัน

ถึงแม้ชายเดิมกับชายใหม่จะปฏิเสธความคิดนั้นไปแล้วหลายหนแล้วก็ตาม และยืนยันว่า หากวันที่เขาทั้งสามคนเกิดอยู่บนเตียงเดียวกัน เขาทั้งสองจะเป็นฝ่าย “รุม” ชายกลางอย่างแน่นอน วางใจได้ แต่ชายกลางก็ยังไม่วางใจ

ยิ่งชายเดิมผู้มีน้ำใจให้การต้อนรับชายใหม่เข้ามาในชีวิตของเขาทั้งสองอย่างอบอุ่นมากขึ้นเท่าไหร่ ความวิตกของชายกลางก็ยิ่งทวีขึ้นไปอีก จนในที่สุดชายกลางก็ออกปากว่า เขาไม่สบายใจที่เห็นชายเดิมกับชายใหม่ใกล้ชิดสนิทสนมกันขนาดนั้น

เขาเล่าให้ฟังด้วยว่า มีครั้งหนึ่งขณะที่เขาทั้งสามคนอยู่ด้วยกัน ชายเดิมแสดงอาการรักใคร่เอ็นดูชายใหม่ด้วยการจูบ (ปาก) อีกฝ่ายหนึ่ง และอีกคราวหนึ่ง ชายใหม่รู้สึกขอบใจชายเดิมที่ขับรถไปส่งเขา ชายใหม่ก็เอามือมาไปจับแก้มชายเดิมเบาๆ เท่านั้นแหละครับเป็นเรื่อง ชายกลางเกิดอาการ (ขอโทษครับใช้คำไม่สุภาพ แต่ได้ภาพดี) “ป.ส.ด.” ขึ้นมาทันที

ผมเพิ่งได้คุยกับชายกลางอีกครั้งหนึ่งเมื่อเร็วๆ นี้เพื่อจะขออนุญาตเขียนเรื่องของเขาสามคน ชายกลางอัพเดทให้ฟังว่า ล่าสุด ด้วยความ ป.ส.ด. ของตัวเขาเองทำให้ชายเดิมประกาศจะไม่สื่อสารติดต่อพูดคุยใกล้ชิดสนิทพิเศษกับชายใหม่อีกต่อไป เพื่อเป็นการยืนยันว่า ชายเดิมไม่ได้มีความรู้สึกอะไรพิเศษ หรืออยากจะมีอะไรกับชายใหม่อย่างที่ชายกลางหวาด

กระนั้น ชายกลางก็ยังคงไม่สบายใจอยู่ดี เพราะเขาไม่อยากให้ความสัมพันธ์แบบสามคนที่เป็นอยู่ได้รับการกระทบกระเทือนไป และเขาบอกว่า “ผมทนไม่ได้ที่จะเสียใครคนใดคนหนึ่งไป” (ตกลงชายกลางจะเอายังไงล่ะเนี่ย?)

ผมคิดว่าการที่ชายเดิมจูบปากชายใหม่ต่อหน้าชายกลางเป็นการแสดงความรักใคร่เอ็นดูอย่างหนึ่ง ก็คงเหมือนกับตอนมาดอนน่าจูจุ๊บกับบริทนีย์กลางเวทีคอนเสิร์ตนั่นแหละ

การที่ชายกลางวิตกกังวลขนาดนี้ ยังไงเสีย ก็คงไม่เป็นผลดีต่อความสัมพันธ์แบบสามคนที่กำลังสร้างความประหลาดใจให้ทั้งสามคนแต่อย่างใด ตกลงแล้วอะไรๆ ที่เป็นเลขคี่ มักจะไม่เวิร์คเหรอ?

และคงคล้ายๆ กับที่เขาพูดๆ กันว่า เวลาเรากำทรายขึ้นมา หากเรากำมือแน่นเข้า บีบมันเข้า ทรายก็จะค่อยๆ ร่วงออกจากมือ ความสัมพันธ์ของคนเรา จะสองคน หรือสามคน คงไม่ต่างกัน หรือ
คุณผู้อ่านคิดว่ายังไง?

หมายเหตุ: ขอขอบคุณทุกๆ ท่านที่ไปชมภาพยนตร์เรนโบว์บอยส์ ที่โรงภาพยนตร์ House RCA และติชมมาตลอด เป็นกำลังใจที่ดีสำหรับทีมงานทุกๆ คนครับ

-end-

No comments: