Sunday, February 26, 2006

จะบอก...เขาซะทีดีมั๊ย?

เลิกแอบเสียที/วิทยา แสงอรุณ Metro Life นสพ. ผู้จัดการวันเสาร์

vitadam2002@yahoo.com

25-28 กุมภาพันธ์ 2006

หมอนี่มาแปลก เขาอีเมลมาในวันหนึ่ง พร้อมคำแนะนำตัวที่ไม่เหมือนใคร

“หวัดดีครับพี่...ผมติดตามอ่านคอลัมน์พี่ทุกวันเสาร์เลยนะ ผมก็เป็นเกย์นะครับ เลยพอมีคอลัมน์เกี่ยวกับอย่างนี้ เลยอ่านเป็นประจำ แต่ผมมีเรื่องติงนิดหนึ่งจะได้ไหมครับ คือว่า แต่ละคนที่พี่เขียน จะหน้าตาดีตลอดเลย ไม่ลองเขียนประเภทหน้าไม่หล่อ พ่อไม่รวย แถมเหมือนโจรอีกแบบผม ผมไม่หล่อน่ะพี่ เลยอยากฟังเรื่องคนไม่หล่อดูบ้าง อ่านเรื่องคนหล่อแล้วหมั่นไส้ (พูดเล่นนะครับ)...”

โดนตัดพ้อเข้าให้อย่างนี้ ผมยังไม่คิดอย่างอื่นไม่ออกนอกจาก “จริงหรือฟะ”

ผมกลับไปทบทวนดู ทั้ง “นายหนึ่ง” “นายสอง” “อรัญ” “กฤษณ์” “ชายกลาง” “ชายเดิม” “ชายใหม่” “นายยศ” “นายบุ๊ค” “หนุ่มมิกซ์” “คุณหนึ่ง” นาย “ปริ๊นซ์” และอีกมากมายหลายชายในไฟล์ที่เขียนไปแล้ว ก็ปะปนๆ กันนะ แต่พอนึกดูอีกที

เออ ท่าจะจริง

แต่ก็ไม่ทั้งหมดนะครับคุณผู้อ่าน ที่หล่อๆ ก็เขียน คนไม่หล่อก็มี
เพียงแต่บางคนผมไม่ได้ระบุ ว่าแต่ว่า ใครจะไปรู้ล่ะ คนไม่หล่อสำหรับอีกคนอาจจะหล่อสำหรับอีกคนก็ได้

อีกอย่าง ตามปกติ ใครหล่อหรือไม่ สำหรับผม ก็ไม่เห็นจะสำคัญเท่ากับประเด็นต่างๆ ในเรื่องราวชีวิตของพวกเขา ยิ่งได้เจอคนคิดอะไรไม่เหมือนชาวบ้าน ยิ่งทำให้ผมอยากรู้จัก ก็ผมสื่อสารด้วยการเขียนนี่นา ยังไงๆ คุณผู้อ่านก็ไม่เห็นหน้าพวกเขาอยู่ดี

แต่เอาเถอะ ตอนนี้ผมอยากรู้นักว่า หมอนี่ ไม่หล่อจริงอย่างที่ว่าหรือเปล่า

ในระยะห่างสักยี่สิบเมตรกว่าๆ เขายืนอยู่ตรงนั้น ตรงบริเวณที่นัดแนะไว้ ผมแลเห็นผู้ชายคนหนึ่ง ในชุดเสื้อยืดสบายๆ กางเกงขาสั้นกึ่งสามส่วน รูปร่างสูงโปร่ง เขามาตรงเวลาไม่ขาดไม่เกิน

ผมเดินใกล้เข้าไปเรื่อยๆ ต้องใช่เขาแน่ๆ เพราะไม่มีใครมาทำท่ายืนรอใครอยู่แถวนั้นนอกจากเขาคนนี้ แล้วเป้าหมายของผมก็ส่งยิ้มมาให้ ในระยะใกล้เข้ามาจนขนาดนี้แล้ว เป็นคนอื่นคงมองเห็นเขาคนนี้และใบหน้าตาถนัดชัดแจ้ง เพียงแต่ว่า อือ ผมยังไม่ได้บอกคุณผู้อ่านใช่เปล่าว่า ผมสายตาสั้น

กว่าจะรู้ว่า หน้าตาเขาเป็นยังไง เท้าของผมก็พามายืนอยู่ในระยะ “Face-to-Face” เรียบร้อย

เออ...ไม่หล่อจริงๆ ด้วย (ว่ะ)

เราทักทายกันเล็กน้อย พอเป็นพิธี

หนุ่มไม่หล่อ ยังนั่งยิ้มอยู่ตรงหน้าผม บริกรรอรับออเดอร์อยู่ข้างๆ โต๊ะ เขายังไม่ยอมบอกซะทีว่า เขาชอบทานอะไรเป็นพิเศษ ผมเลยสั่งมาเองเสียทั้งหมด ดูเขาตั้งใจอยากจะเริ่มเล่าเรื่องราวของเขาเสียเต็มประดา ไม่ค่อยสนใจอาหารตรงหน้า หรือไม่ก็ เขาคงอยากจะถามคำถามในใจที่ค้างคาอยู่
เกี่ยวกับคนที่เขาเพิ่งรู้จักทางเน็ตและเริ่มจะจริงจังกัน? เขาอยากจะบอกรักแต่ไม่กล้า

“แก๊ป” (ผมเพิ่งนึกได้ว่า ควรจะเรียกเขาว่าอะไรดี) มีงานมีการทำเป็นหลักเป็นฐานแล้ว อายุยี่สิบปลายๆ เห็นจะได้ โดยลักษณะภายนอก ไม่มีใครมองเขาออกว่า เขารักผู้ชายด้วยกัน เขาก็ดูเหมือนผู้ชายห้าวๆ คนหนึ่ง ท่าทางเอาเรื่องน่าดู เขาคึกคักกระตือรือร้น รูปร่างบางๆ ของเขา เหมือนจะไม่ได้ออกกำลังกายฟิตกล้าม แต่ก็ไม่ได้ผอมกร๋องแกร๋งดูเหมือนคนไม่สบาย เขาตัดผมสั้น พูดไปยิ้มไป

“ผมเพิ่งเลิกกับแฟนคนหนึ่งไปน่ะครับ คบกันมาเจ็ดปี ตอนนี้ผมเจอคนใหม่ เพิ่งคบกันได้สี่เดือน เขาเป็นคนในเครื่องแบบน่ะพี่…”

ถามไถ่ก็ได้ข้อมูลมาว่า เหตุที่เลิกกับแฟนคนเก่าไปเพราะ แฟนเจ็ดปีของเขาเอือมระอากับพฤติกรรม “จอมเจ้าชู้” ไม่เลิกราของเขา แก๊ปเล่าว่า เมื่อไหร่ที่เหล้าเข้าปาก เขาจะเริ่มจีบดะไม่สนใจหน้าอินทร์หน้าพรหม พนักงานเสิร์ฟผู้ชายที่แอบเหล่เขา เขาก็เคยคว้ามาจูบหน้าตาเฉย ต่อหน้าเพื่อนที่แข่งจีบกันอยู่ นอกจากนี้ เขายังเผยอีกด้วยว่า เขาเคยมีประสบการณ์คบหากับคนห้าคนในเวลาเดียวกัน

ห้าคน? หูผมไม่ฝาดแน่ ส่วนใจก็อดไม่ได้ ผมเลยต้องทบทวนดูความไม่หล่อบนใบหน้าของเขาอีกที เพื่อให้แน่ใจ

ผมชักสงสัยว่า เขามีอะไรดี เหตุไฉนแฟนคนนั้นถึงทนอยู่ได้ถึงเจ็ดปี เจ้าชู้ยักษ์ขนาดนี้ ? นั่นเป็นคำถามหนึ่งในบรรดาอีกหลายคำถาม

เขาเล่าให้ฟังต่อไปว่า ถึงเขาจะเจ้าชู้ แต่เขาก็ดูแลคนที่เขาคบด้วยเป็นอย่างดี ไม่มีบกพร่อง

“แฟนคนเก่าของผม เขาจะออกสาวนิดๆ น่ะครับ ผมไม่รังเกียจที่จะเดินกับคนออกสาว แต่ดูเหมือนเขาจะทำอะไรไม่เป็นเลยล่ะพี่ กลับบ้านที ก็ถอดเสื้อผ้าทิ้งกองไว้กับพื้น ผมก็ตามไปเก็บ เวลาเขาหิวเมื่อไหร่ ผมก็จะรีบไปซื้อข้าวมาให้เขากิน ป้อนเขาก็เคยหลายครั้ง เสื้อผ้าเขา ผมก็ซักให้ รีดให้ มีหนหนึ่งน้องสาวแวะมาหาผมที่ห้องพัก เปิดประตูผลัวะเข้ามา เห็นผมรีดผ้าอยู่ ยังนึกว่ามาผิดห้อง” เขาเล่าพลางหัวเราะชอบใจ

มีอยู่ครั้งหนึ่ง เขาบรรยายต่อ หนุ่มอีกคนหนึ่งที่เขาคบหาเล่นๆ อยู่รู้ว่า เขามีแฟนแล้ว เลยโทรศัพท์มารังควานแฟนคนนี้ เขารู้เข้า จึงโทรไปต่อว่าทันที และบอกเลิกคบกับคนนั้นไปเลย (แหงะล่ะ ก็ยังมีอยู่หลายคนในสต็อคนี่หว่า)

ถึงแม้ บัดนี้จะเลิกกันแล้ว เขากับแฟนเจ็ดปีคนนี้ก็ยังเป็นเพื่อนกันอยู่ เขายอมรับว่า เป็นความผิดของเขาคนเดียวที่เขาเลิกนิสัยเจ้าชู้ไม่ได้ และถ้าแฟนมาขอคืนดี เขาคงไม่คิดปฏิเสธ

มาถึงตอนนี้ แก๊ปมีสีหน้าสลดลงอย่างเห็นได้ชัด

ผมยังคงสังเกตใบหน้าเขาอีกครั้ง เนี่ย จอมเจ้าชู้เหรอ?

แล้วแฟนคนปัจจุบันล่ะ ไปเจอกันยังไง? แววตาของเขาดูคึกคักขึ้นมาทันที

ทั้งสองเจอกันในเน็ต แชทไปแชทมาก็แลกรูปกัน เขายอมรับว่า ตอนนั้นเขาเหงา อยากมีใครสักคน แต่ไม่คิดจะผูกพันอะไร เมื่อคนสองคนพอใจกันและกันก็เลยนัดพบกันเสียเลย แก๊ปบอกว่า ตอนนั้นที่ตกลงใจจะไปเจอ เขาตื่นเต้นไม่หาย จะออกไปเจอใครก็ไม่รู้ถึงบ้าน ที่ๆ จะไปก็อยู่ไกลโข แถมเป็นคนในเครื่องแบบอีก มีปืน หรือพกอาวุธไว้หรือเปล่าก็ไม่รู้

“พอผมไปถึง ก็ตกใจ พี่เค้าเปิดประตูออกมา ในชุดผ้าขนหนูเลยล่ะครับ แต่พอเห็นหุ่นพี่เขาแล้ว ผมก็บอกว่า เอาวะ (เขาสารภาพว่า คนมีขน ทำให้ใจเขาละลาย) ผมก็เลยขอตัวไปอาบน้ำก่อน เราก็มีอะไรกันเลยล่ะครับ วันแรกเลย”

เพื่อเป็นการยืนยันว่า เขาพูดจริงว่า แฟนคนใหม่เป็นคนในเครื่องแบบ ผมเลยขอให้เขาพิสูจน์ แก๊ปเปิดรูป “พี่เค้า” คนนั้นให้ผมดู ท่าทางเขาภูมิอกภูมิใจเอามากๆ ที่ได้อวดรูปแฟนใหม่ ผมเห็นแล้ว ก็อดเห็นคล้อยตามเขาไม่ได้ล่ะครับ ถ้าได้อย่างนี้ ใครจะปฏิเสธลง

“พี่เค้าชอบให้ผมนวดให้ ตอนแรกก็นวดไม่เป็น ทำเอาเขาเจ็บระบมไปเลย ผมเลยไปเรียนนวดเป็นเรื่องเป็นราว ตอนนี้เขาชอบมาก แวะไปหาทีไร ถึงผมจะเหนื่อยยังไง ผมก็จะนวดให้เขาก่อน บางที ผมนวดไปหลับไปเลยไม่รู้ตัว แต่ผมเป็นคนพูดเอาใจคนไม่เก่งล่ะครับ กับแฟนคนเก่า ถ้ามีเรื่องอะไรกัน ผมก็ไม่ง้อก่อน นิสัยผม ไม่โทรหาใครก่อนอยู่แล้ว”

เราเริ่มคุ้นเคยกันมากยิ่งขึ้น ผมก็ยิ่งอยากรู้มากยิ่งขึ้นว่า ข้อสงสัยของผมเป็นจริงหรือเปล่า คนหุ่นผอมบางๆ แบบเขาเนี่ย...มักจะมี...

แก๊ปยอมรับว่า เขาชอบการมีเพศสัมพันธ์มาก แฟนคนปัจจุบันของเขาก็เช่นกัน หลายๆ คนที่เขาเคยมีอะไรด้วยกันมา ส่วนใหญ่จะติดใจเขา เขากล่าวขอโทษเบาๆ ก่อนจะบอกเผยอีกว่า เขามีดีตรงที่

“เอ่อ พี่ครับ อย่าหาว่า ผมทะลึ่งเลย ผมเนี่ย เวลาถอดเสื้อผ้าแล้ว จะไม่ค่อยมีใครเปลี่ยนใจน่ะครับ”

ผมทำสีหน้าเรียบเฉย แต่ในใจก็ชอบใจอยู่ที่เขาเล่ามาแบบซื่อๆ แต่อีกใจหนึ่ง ก็ชักอยากจะดู- เอ๊ย-อยากจะรู้ ผมเลยถามเขาว่า เคยวัดหรือเปล่า? เขาบอกว่า ไม่เคย แต่เขาเคยท้าประลองกับเพื่อนๆ และรุ่นพี่ที่คิดว่าแน่มาแล้วหลายราย มีรายหนึ่ง พนันกันว่า ถ้างัดมาโชว์กัน ถ้าของเขาใหญ่กว่า ฝ่ายแพ้จะต้องยอม “หันหลัง” ให้เขาจัดการ

อ้ะ...เนี่ย เสียดาย ถ้าไม่อยู่ในร้านอาหาร ผมคงบอกเขาไปแล้วว่า ไหนพิสูจน์หน่อย แต่คงไม่ดีแน่ครับคุณผู้อ่าน แล้วถ้าเกิดผมดูแล้ว เกิดสนใจขึ้นมาล่ะ?

เสียงมือถือเขาดังขึ้น

แก๊ปขอตัวรับโทรศัพท์ ผมนึกว่า เขาจะลุกเดินออกไป แต่เปล่า พอมองที่เบอร์ เขาฉีกยิ้มออกขนาดนั้น ผมรู้ว่า ต้องเป็นสายพิเศษแน่ๆ บทสนทนาเป็นเรื่องทำนอง ผมจะซื้อของไปฝาก แล้วจะไปหา (ไม่ได้ละลาบละล้วงนะ ก็เขาคงอยากให้ผมได้ยินมั้ง) น้ำเสียงเขาดูอ่อนโยน ไม่ห้าวหาญเหมือนเคย เขาคุยโทรศัพท์อยู่พักใหญ่ และผมก็กินต่อไป

ก่อนหน้านี้ผมว่า น่าจะสั่งอะไรหวานๆ มาสักหน่อย กับข้าวร้านนี้หลายอย่างเผ็ดเหลือเกิน แต่ระหว่างได้ยินเขาพูดโทรศัพท์ไป ผมคิดว่า คงไม่ต้องสั่งอะไรหวานๆ หรอก

บริกรยกแก้วน้ำของผมที่เติมน้ำจนเต็มแก้วกลับมาวางไว้ที่เดิม แก๊ปเห็นอะไรบางอย่าง เขาหยิบกระดาษทิชชู่ แล้วก็บรรจงเช็ดเศษผงที่ติดอยู่ข้างแก้วน้ำของผมออกไป เขายิ้มน้อยๆ

ผมรู้แล้วล่ะว่า แก๊ปมีอะไรดี

บอกต่อกันไป : ชาวเชียงใหม่โปรดทราบ สถานีเคเบิ้ลท้องถิ่นช่องเก้า WE TV มีรายการสำหรับชาวสีรุ้งแล้ว ชื่อ สะพานสายรุ้ง รายการวาไรตี้ ตอบคำถามเกี่ยวกับเกย์และเลสเบี้ยน เปิดเผย ตรงไปตรงมา ติดตามได้ ทุกวันเสาร์ เวลา 17.30 น. ดำเนินรายการโดยสองเลสเบี้ยนและหนึ่งหนุ่มเกย์ / ใครยัง “อิน” อยู่กับ Brokeback Mountain เขียนมาคุยกันได้ครับ

-end-

All rights served.

6 comments:

Anonymous said...

อ่านจบแล้ว งง(ว่ะ)พี่ ชื่อเรื่องกับเรื่องที่เขียนมันโยงกันยังไง
ตอนแรกกะว่าจะไม่แสดงความคิดเห็น เพราะมันrate R ไปหน่อยเลยไม่รู้จะแสดงความคิดเห็นยังไงดี แต่ขอหน่อยละกัน เพราะนึกไปนึกมา แก๊ปก็คล้ายๆกับผมนี่หว่า ผมก็เจ้าชู้(แต่เลิกแหล่ะ)ไม่ใช่นึกตรัสรู้อะไรมานะพี่ แต่พอดีมีคนบอกผมว่า "แกเจ้าชู้วะแล้วที่แกเจ้าชู้เนี่ย เพราะแกไม่ได้รักแฟนแกจริงๆใช่ใหม ลองถามใจตัวเองดูว่าเรามีความรักให้เค้าจริงๆรึป่าว" พอฟังแล้วก็อึ้ง มันไม่ได้เกี่ยวกับว่า เราพอใจในสิ่งที่เรามีอยู่หรือป่าวนะครับ เพราะถ้าพอใจแล้วแต่ไม่ใช่รัก สักวันพอเราทนไม่ได้ ท้ายที่สุดก็ต้องเลิกกัน ว่ามั้ยครับ

Vitaya S. said...

อ้ะอ้ะ ไม่บอก ปล่อยให้งง อิ อิ

(สรุปแล้ว คนเขียน เขียนไปงงไปเอง
คนอ่านเลยงงไง)

Anonymous said...

อืม เน๊าะ ไม่หล่อก็หาแฟนได้ถมเถไป

ผมชอบนะ เวลาอ่านเรื่องของคนอื่น

แต่ยิ่งอ่านก็ยิ่งรู้สึกว่าชีวิตตัวเองช่างไม่มีอะไรเลย

Anonymous said...

คุณวิทยาน่าจะลองเขียนถึงเกย์ที่เป็น minority ในบ้านเราบ้างนะ
เข้าไปเซิร์ชในหลายๆเว็บ แต่ก็ไม่ค่อยเจอ

เช่น การที่ต้องปกปิดตัวเอง เพราะเป็นข้อห้าม / ข้อโต้แย้งที่ยังไม่จบทางศาสนา เช่น มุสลิม
หรือ ต้องแสดงตนเป็น macho แทบจะตลอดเวลา เพราะต้องอยู่ในชุมชนของตัวเอง/ไปศาสนสถานตลอดเวลา / มีการแต่งกายที่เป็นขนบธรรมเนียมแบบแผน เช่น ซิกข์

ผมไม่ทราบความหนาแน่นของชุมชนศาสนาอื่นๆในบ้านเรา เช่น ยิว แต่ก็พอทราบมาบ้างถึงความเคร่งครัด

ลองดูนะครับ

Vitaya S. said...

ขอบคุณทุกความเห็น ข้อแนะนำ และติชมครับ

Anonymous said...

ผมไม่ชอบเลยคนหน้าตาดี ไม่ชอบที่จะคบกัน
รู้สึกส่วนตัวว่าเค้าจะไม่จริงใจกับคนรูปไม่หล่ออย่างผม
เหมือนว่าเค้าหยิ่ง ไม่รู้จักพอ คิดว่าตัวเองหล่อแล้วจะหาใหม่ได้ง่ายๆ
เลยไม่ค่อยดูแลสนใจคนที่คบกันอยู่มากมาย
เหมือนว่าจะเจ้าชู้ แต่ก็จริงมั๊ยล่ะครับ ใครๆก็ชอบคบคนที่หล่อดูดี ผมว่าคนที่หน้าตาธรรมดาย่อมเจอมาบ้างแหละเรื่องแบบนี้ มันท้อนะ เมื่อเราจะจริงจังกับเค้าแต่เค้าไม่สนใจเราเลย
พูดไปก็เหมือนบ่น คนรูปไม่หล่อก็ต้องหาอย่างอื่นมาทดแทนอย่างแก๊ปนี่แหละครับ
เพื่อว่าคยที่คบอยู่จะได้หยุกไว้ที่เราคนเดียว