1-2 April 2006
คนเรามี “เพื่อนสนิท” เพียงไม่กี่คนหรอก คงน่าเสียดายมากนะครับหากไม่มีเพื่อนสนิทคนใดที่รู้ความจริงเกี่ยวกับตัวคุณเลย-สักคนเดียว
เพราะใครๆ ก็คิดเหมือนๆ กันว่า เผยความจริงน่ะรึ เป็นไปไม่ได้หรอก อย่า “หาเรื่อง” จะดีกว่า “กลัวเพื่อนรับไม่ได้” ไม่อยากเสีย “เพื่อน” ไป
บรรดามนุษย์สีรุ้งหลายคนเลยต้องใช้ชีวิตอยู่ในความหวาดกลัวอยู่ตลอด กลัวอยู่ทุกวันว่า “จะมีคนจับได้” บางคนยิ่งกลัวก็ยิ่ง “เก๊กแมน” จนน่าเหนื่อยแทนทั้งๆ ที่ชาวบ้านก็รู้กันแล้วทั้งซอย
แต่ “เอก” ไม่ได้คิดจะอยู่กับความหวาดกลัวอีกต่อไปแล้วเพราะความเบื่อหน่ายที่ต้องปิดบังตัวตนกับเพื่อนสนิทคนหนึ่งมาถึงจุดอิ่มตัว
เขาคบกับเพื่อนคนนี้มาสี่ปี เขาเล่าให้ฟังว่า ยามที่เพื่อนต้องการระบายเรื่องในใจที่กระทบความรู้สึกลึกๆ ของเขา เขายินดีเป็นผู้รับฟังทุกเรื่อง เขาเป็นพื่อนเมื่อเพื่อนต้องการใครสักคน และตอนนี้ ถึงเวลาแล้วที่เขาจะพูดถึงสิ่งที่อยู่ในใจของเขาให้เพื่อนคนนี้รับรู้บ้าง
แล้ววันนั้นก็มาถึงเมื่อเพื่อนเป็นฝ่ายชวนเขาให้ออกไปเที่ยวกันสองต่อสอง พวกเขามีแผนจะไปร้องเพลงคาราโอเกะกัน เอกบอกเพื่อนว่า ดีเลย มีอะไรจะบอก แต่ขอไม่บอกทางโทรศัพท์ และก่อนจะไป...
“พี่ครับ ผมควรจะบอกเลยดีไหม” นายเอกกริ๊งสายด่วนมาหาผมตอนบ่ายๆ ในวันหนึ่ง อีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้า เขาจะออกไปเจอเพื่อนคนนี้แล้ว
ผมรู้จักเอกมาพักใหญ่ บอกได้เลยว่า เขาเป็นคนหนึ่งที่ไม่มีความรู้สึกสับสนหรือรู้สึกแย่กับสิ่งที่ตัวเองเป็น ผมอาจจะผิด แต่เท่าที่ได้พูดคุยกับเขา เขาไม่เข้าข่ายเกย์ที่ยังเกลียดหรือรังเกียจตัวเองแม้แต่น้อย ผมเลยมั่นใจว่าควรจะสนับสนุนสุดฤทธิ์
เขายังมีอีกคำถาม
“ผมควรบอกเพื่อนก่อนร้องเพลง หรือหลังร้องเพลงดีล่ะครับพี่”
เออ-น่าสนใจ อย่างนี้ก็มีด้วย ผมเกือบจะบอกเขาไปแล้วเชียวว่า ก็บอกตอนกำลังร้องเพลงอยู่ด้วยกันนั่นแหละ ลองเกริ่นหยั่งเชิงดูก่อนด้วยการเลือกเพลงของเจินเจิน- “ฉันก็เป็นผู้หญิงคนหนึ่ง” หรือมัม ลาโคนิค “เติมใจให้กัน” หรือถ้าจะเพิ่มดีกรีสักนิด ก็นี่เลย “สาวแตก” ของนายครรชิตกับทิดแหลมไง?
แต่เอกไม่ได้อยาก “ไปเกิดที่สีลม” อย่างเพลงสาวแตกบอก ไม่ได้คิดอยากจะเป็นผู้หญิงคนหนึ่งแบบที่เจินเจินระบายความในใจ และไม่ได้เรียกร้องให้ใครมามาเติมใจให้กัน เขายืนยันว่า เขาไม่ได้แอบหลงรักเพื่อนสนิทคนนี้ และเขาไม่ได้คิดอยากจะบอกความจริงเพื่อจะลองเชิงดู “เผื่อฟลุ๊ก” เพื่อน “มีใจ” ให้กันแต่ประการใด
“ก็ต้องบอกหลังร้องเพลงสิครับ อย่างน้อยนะ ถ้าเพื่อนเกิดมีปัญหารับความจริงไม่ได้ เราก็ได้ร้องเพลงเฮฮากันสนุกกันไปแล้วไง” ผมเชียร์ต่อ ผมไม่ได้บอกเขาหรอกว่า การร้องเพลงครั้งนั้นคงตราตรึงความทรงจำของเพื่อนไปอีกนาน-ยิ่งถ้าเอกได้ร้องเพลงอย่างที่ผมแนะนำไป
เอกหายไปพักใหญ่ จนตกเย็นแล้วก็ไม่มีวี่แววอัพเดทข่าวสารใดๆ ผมเดาเอาว่า เขาทั้งสองคงร้องเพลงติดลมกัน หรือไม่ก็อยู่ในช่วง “เปิดใจให้กัน” ละมั้ง ถึงได้เงียบฉี่
แล้วเขาก็โทรมาอีกที
“อ้าวบอกไปแล้วยัง” ผมยิงคำถามไปก่อน อดตื่นเต้นไม่ได้ เขาตอบมาว่า
“ยังครับ พอดีตอนกินข้าวกัน เขาเกิดพูดอะไรไม่ดีเกี่ยวกับเกย์ กะเทย ผมเลยไม่แน่ใจว่าควรบอกหรือเปล่า” เอกขยายความว่า เพื่อนเกิดไปวิจารณ์รายการประกวดร้องเพลงที่มีกรรมการเป็นช่างแต่งหน้าชื่อดังกับคุณครูสอนเต้นชื่อก้องรายการหนึ่งเข้า เพื่อนไม่ค่อยชอบใจ
สงสัยนายเอกต้องกินยาชูกำลังใจอีกเม็ดหนึ่ง
“อย่าไปสนใจเลย ฟังดูดีๆ เขาวิจารณ์ตัวคนเป็นกรรมการหรือวิจารณ์ความเห็นที่กรรมการบอก แยกแยะให้ถูก แต่เราต้องตัดสินใจเองนะว่า จะบอกหรือไม่บอก และถ้าบอกออกไป เขาเกิดไม่อยากเป็นเพื่อนเราอีกแล้ว พี่ก็คิดว่า นั่นเป็นสิ่งที่ดี เพราะเราจะได้ไม่ต้องเสียเวลากับ ‘เพื่อนพรรค์’ นี้ไง มันไม่ใช่ปัญหาของเรา แต่เป็นปัญหาของเขาที่มีอคติทางเพศในใจ เป็นเรื่องที่เขาต้องตัดสินใจเอาเอง”
นายเอกหายไปอีกพักหนึ่ง นานพอๆ กับคราวที่แล้ว ในที่สุดเขาก็โทรมาหาผมแล้วบอกว่า
“พี่ ผมบอกไปแล้ว!” แล้วเพื่อนว่าไง ผมถาม เขาตอบว่า “เพื่อนบอกว่า “Congratulations!” >
ผมอดดีใจกับเขาไม่ได้จริงๆ เขามีเพื่อนที่ประเสริฐมาก และต่อไปนี้เขากับเพื่อนจะสนิทกัน และไว้ใจกันมากขึ้นเพราะไม่มีอะไรให้อีกฝ่ายต้องอึดอัดเวลาคบหากันอีกแล้ว ไม่รู้ว่า ตอนนั้นเอก รู้สึกเดินอยู่บนอากาศหรือเปล่าหลังจากได้บอกออกไป ใครไม่เคยจะไม่รู้ว่า มันโล่งโปร่งสบายแท้ๆ
ผมให้เอกเก็บเรื่องที่เหลือมาเล่าสดๆ ในรายการฮอตไลน์สายสีรุ้ง ตอนวันศุกร์แทน เขาเล่าเพิ่มเติมในรายการว่า ความจริงแล้ว เขาเกือบจะไม่ได้บอก หลังจากที่เพื่อนมีคอมเม้นท์ไม่ดีเกี่ยวกับเกย์ เขาเลยฝ่อไปพักหนึ่ง สองคนเดินแยกทางกันเพื่อจะกลับบ้านกันแล้ว แต่ไม่รู้มีอะไรมาดลใจเขาให้หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วโทรเรียกให้เพื่อนเดินกลับมาพบกันใหม่ คราวนี้เขาเตรียมตัวและตั้งสติดีขึ้น
เอกไม่ได้ใช้วิธีบอกไปโจ่งครึ่มอย่างเช่น “เราเป็นเกย์นะ” แต่เขาแยบยลกว่านั้น เขาบอกเพื่อนว่า มีความในใจบางอย่างจะเล่าให้ฟัง และไม่อยากเก็บ เขาเริ่มต้นเล่าเรื่องที่เพื่อนผู้หญิงคนหนึ่งเข้ามาสนิทสนมกับเขา และทำดีกับเขาสารพัดจนเกินความเป็นเพื่อนและทำให้เขารู้สึกอึดอัดอยู่นาน เขาไม่รู้จะเล่าเรื่องนี้ให้ใครฟัง เขาเลยอยากเล่าเรื่องนี้ให้เพื่อนฟัง และเขาได้บอกเพื่อนว่า “ก็อึดอัด เพราะเราไม่ได้ชอบผู้หญิง”
เพื่อนของเขารับฟังและเข้าใจทันที ไม่ต้องตีความ เขามีข้อสงสัยอื่นๆ และตั้งคำถามนายเอกอีกหลายอย่าง
ทั้งสองเดินคุยกันไปเรื่อยๆ อีกนานโดยไม่ได้นั่งพักเลย ในบรรดาคำถามต่างๆ นั้น มีคำถามที่คนเคยบอกเพื่อนและผ่านประสบการณ์พูดความจริงมาแล้วคงจะเจอเช่นกัน อย่างเช่น “นายแน่ใจได้ยังไง” และนาย “เป็น” มาตั้งแต่เมื่อไหร่
ฟังดูขำดี เหมือนเอกเป็นโรคหรือไม่สบาย แต่ความจริงก็คือ คนส่วนใหญ่ไม่รู้จะถามยังไง มันเหมือนวันหนึ่งเพื่อนคนที่ดูไม่เห็นจะเกย์ตรงไหน มาบอกว่า เป็นเกย์ ก็เลยเหมือนเขาไปโดนของอะไรมา หรือไม่ก็ “เกิดเปลี่ยนใจไปเป็นเกย์” ซึ่งเป็นความเข้าใจผิด
เอกรู้ดีว่า เพื่อนถามน่ะหมายถึงเพื่อนแคร์ และสนใจ เขารับได้ ถือเป็นโอกาสที่ดีที่สุดสำหรับคนๆ หนึ่งที่จะช่วยอีกคนให้ปรับทัศนคติเกี่ยวกับคนรักเพศเดียวกันเสียใหม่ เอกทำหน้าที่นี้ด้วย
ผมจึงเห็นว่า เป็นสิ่งสำคัญสำหรับคนที่คิดจะบอกความจริงเกี่ยวกับตัวเองให้คนอื่นรู้ หากคุณยังไม่เข้าใจ หรือพอใจกับสิ่งที่ตัวเองเป็น คุณจะไม่มีวันอธิบายให้คนที่อยากรู้เข้าใจ เราอธิบายให้คนอื่น ไม่ใช่ต้องการให้เขาเห็นใจ หรือสงสาร แต่ช่วยให้คนที่ไม่เข้าใจเอาชนะอิทธิพลของอคติทางเพศในสังคมได้ต่างหาก
เรื่องการบอกเพื่อนสนิทยังไม่จบ ต่ออาทิตย์หน้า
ผมเปิดเพลง Somewhere Over the Rainbow เวอร์ชั่นแดนซ์เบาๆ ให้เขา หลังจากเขาเรื่องนี้จบทางรายการวิทยุ ผมว่า คงเป็นกำลังใจที่ดีให้อีกหลายคน
บอกต่อกันไป : หนังน่าดูมีเนื้อหาเกี่ยวกับชาวสีรุ้งอย่างคาดไม่ถึง เรื่องแรก Where the Truth Lies นำแสดงโดย Kevin Bacon และขวัญใจบริเจตต์โจนส์ ไดอะรี่ หนุ่มหล่อ Colin Firth เนื้อหาเกี่ยวกับพิธีกรทีวีชื่อดังสองคนต้องยุติบทบาทจอแก้วเมื่อหญิงคนหนึ่งตายอย่างปริศนาในโรงแรมที่เขาทั้งสองพักด้วยกัน การสืบหาความจริงเปิดเผยเรื่องซับซ้อนเกี่ยวกับ มิตรภาพของเพื่อน ความปรารถนาในตัวเพื่อน เรื่องบนเตียงกับเราสามคน เนื้อเรื่องเล่าผ่านการยอกย้อนอดีตและปัจจุบันได้อย่างเร้าใจ แถมมีฉากนางเอกของเรื่อง Alison Lohman ร้อนแรงกับผู้หญิงอีกคนหนึ่งต่างหาก / V for Vendetta เข้าโรงพักใหญ่แล้ว ได้รับคำชมไปมากมาย มีฉากจุมพิตสวยงามของสองหญิง และฉากหนึ่งหนุ่มบนเตียงกับอีกหนึ่งหนุ่ม พร้อมเนื้อหาเรื่องจริยธรรมที่รัฐบาลชุดนี้น่าไปดูอย่างยิ่ง/ She’s The Man กุ๊กกิ๊กสไตล์หนังหวานแหวเมื่อนางเอกต้องปลอมเป็นผู้ชายแล้วเข้าร่วมทีมกีฬา/ และอย่าพลาดหนังใหม่ที่กินใจผู้ชมสุดซึ้ง Be With Me ความรักของคนหลายคู่ และคู่หนึ่งเป็นเลสเบี้ยนในวัยรุ่น เรื่องหลังนี้เข้าที่ House RCA ดูแล้วต้องบอกว่า หนังจากสิงคโปร์เรื่องนี้ไม่เลวเลยจริงๆ แปลกและแตกต่างในการนำเสนอ บทพูดมีไม่ถึงสองหน้ากระดาษ A4 คนรักหนังพลาดไม่ได้ เด็ด!
-end-
All rights served.
5 comments:
คุณเอโชคดีมากเลยที่มีเพื่อนเข้าใจ การเปิดเผยตัวเนี่ยเป็นอะไรที่น่ากลัวที่สุด เรายังมีความกลัวเลย เพราะตอนนี้ก็ยังไม่ได้บอกที่บ้านว่าเราเป็นสาววาย ไม่รู้ว่าเมือไหร่จะมีความกล้าพอเสียที
ช่าย บอกแล้วสบายใจสุดๆ ตัวเบาหวิวเลยล่ะครับ แต่ผมบอกกับพี่สาวคนหนึ่งไปอะ แต่ก็อยากบอกกับเพื่อนสนิทผู้ ช อีกคนเหมือนกันนะครับ แต่คงต้องหลังจากกลับไปเมืองไทยก่อนอะครับ
ตามอ่านอยู่ตลอดนะครับพี่ แต่ไม่ค่อยได้เม้นต์นะ รายการก็ฟังตลอดนะครับ แต่ไม่ได้คุยเท่าไร ไม่โกรธกันนะครับพี่ ผมน่ะแฟนพันธุ์แท้ครับ (^ - ')v
มาทักทายคุณ บีแมนยูแฟนด้วย กราบงามๆ 3ที(อันนี้เค้าเอาไว้ไหว้พระปะ) ผมเห็นชื่อบ่อยครับแต่ไม่เคยทักซักที ในกระทู้บูลกายนะครับ :)
ผมจำได้ว่าครั้งแรกที่ผมเปิดเผยตัวนั้น ผมกลับไม่ได้เป็นคนบอกเองแต่เพื่อนผมดันเป็นคนเปิดเผยเอง
ตอนนั้นน่าจะสักม.6 เพื่อนผมคนนี้เป็นเพื่อนคนละกลุ่มแต่ก็คุยกันได้ แม้ว่าจะไม่ได้สนิทอะไรมากนัก คือผมเป็นคนบ้าๆบอ เลยเข้าได้กับทุกคน เย็นวันหนึ่งมันเข้ามาถามผมว่า "มึงเป็นเกย์หรือเปล่า?" ผมไม่ตอบแต่ถามกลับไปว่า "แล้วมึงละ?" มันไม่ตอบแต่พยักหน้ารับ ผมเลยตอบไปว่า "เออ" !!!!!
เพื่อนผมคนนี้เลยเป็นมนุษย์คนแรกที่กล้าเข้ามาถามผม ตอนนั้นมันสุขใจบอกไม่ถูก เหมือนโลกนี้ไม่ได้มีมนุษย์ที่เป็นเกย์แบบเราคนเดียวอีกแล้ว จากที่ไม่สนิทกัน ผมกับมันเลยสนิทกันในเวลาอันรวดเร็ว ผมได้รับข้อมูลและสาระต่างๆเรื่องราวเกี่ยวกับเกย์ (ขอเน้นว่าสาระจริงๆ)แม้แต่โทรศัพท์ของกรมสุขภาพจิตที่เกี่ยวกับเกย์ มันก็เป็นคนแนะนำให้ผมฟัง
ผม
ยอมรับว่ามันเป็นเพื่อนคนแรกที่ช่วยให้ผมรู้สึกภูมิใจในสิ่งที่ผมเป็น แม้วาตอนนั้น คำว่าเกย์เราจะไม่ค่อยกล้าพูดแทนตัวเองก็ตาม เวลาจะดูใครก็เหมือนคนอื่นที่มักพูดกันว่า "เป็น/ไม่เป็น" แต่เพื่อนผมว่ามันจงใจเกินไป ก็เลยมีศัพท์เรียกกันเอง เช่น
คนที่เป็นเกย์ก็จะเรียกว่า "โอ" มาจาก โอเค
ส่วนผู้ชายทั่วไปก็จะเรียกว่า "เอ็น" มาจาก "normal"
ส่วนพวกที่เป็นไบ ก็จะเรียกว่า "พี" มาจาก "poly"
ผมเลยคิดว่าศัพท์เกย์ต่างๆที่ใช้เรียกกัน ที่มาจริงๆทางหนึ่งมันอาจจะมาแบบนี้ก็ได้ คือมันไม่สามารถใช้ศัพท์ทั่วๆไปเรียกแทนกันได้
Sawasdee Pee Vit,
Hi beemanufan(good luck for examination), bgmonster,it and others,....สิ่งสำคัญสำหรับคนที่คิดจะบอกความจริงเกี่ยวกับตัวเองให้คนอื่นรู้ หากคุณยังไม่เข้าใจ หรือพอใจกับสิ่งที่ตัวเองเป็น คุณจะไม่มีวันอธิบายให้คนที่อยากรู้เข้าใจ ...I totally agree with this idea ....to know yourself..Coming to support Pee Vit and other gay guys.....I have read all stories but sometimes I didn't comment..Cheer you up...
ผมชอบอ่าน ชอบฟังเรื่องคัมเอาท์ของคนอื่นอ่ะ
เสียดายอาทิตย์ที่แล้วกลับบ้านไม่ทันฟังเรื่องของคุณเอกเลย
แต่เดี๋ยวศุกร์นี้ไม่ได้ไปไหนจะรอฟังไม่ให้พลาดแล้ว
Post a Comment