Sunday, May 07, 2006

มือใหม่หัดจีบ (แบบเนียนๆ)


เลิกแอบเสียที / วิทยา แสงอรุณ Metro Life นสพ. ผู้จัดการวันเสาร์ vitadam2002@yahoo.com 6-7 May 2006

สายตาคู่นั้นน่าสงสัยยิ่ง หลายครั้งตอนที่คุณมองกลับไป ดูเหมือนเขาจะแกล้งหลบสายตา แต่จังหวะการหลบดูตั้งใจพอให้จับได้ หัวใจของคุณเริ่มเต้นตึกตัก

วันนั้น เขาใส่เสื้อเชิ้ตสีฟ้า แบบเรียบๆ ธรรมดาๆ

“สวัสดีครับ เสื้อสวยนะครับ”

คุณอยากจะชมเสื้อเชิ้ตของเขา? หรืออยากจะเป็นเสื้อเชิ้ตตัวนั้นซะเองมากกว่า? อีกอย่าง ประโยคที่ว่ามานั้น คุณคงไม่พูดออกมาหรอก ต่อให้เขาเปลี่ยนเสื้อไปแล้วหลายสี คุณก็ยังไม่กล้าเปิดปากเข้าหาเขาก่อนซะที เพราะคุณมีฟอร์ม? คงจะใช่ แต่เพราะคุณยังต้อง “แอบ” อยู่? ความเคลื่อนไหวใดๆ ของคุณอาจเป็นข่าวหน้าหนึ่ง!! คุณไม่ได้คิดเว่อร์ไปหรอก มันน่าผวาอยู่ในใจอย่างนั้นจริงๆ

แต่เขาคนนั้นก็ยังคงมองมาด้วยสายตาเว้าวอนราวกับจะบอกว่า “มาช่วยปลดปล่อยผมที...” คุณยิ่งเชื่อมากขึ้นว่า เขาต้องการความช่วยเหลือ คุณไม่ได้คิดไปเอง คุณอยากจะ “ปลดปล่อย” เขาทั้งในเรื่องจิตใจและซะทุกๆ เรื่องไป

เป็นเรื่องปกติที่คุณมีความลับ คุณเป็นชายรักชายและยังไม่คิดจะเผยออกไปให้ใครในออฟฟิศรู้ ขณะเดียวกันคุณก็มีความรู้สึกที่อยากจะมีใครซักคน ความขัดแย้งทั้งสองกำลังต่อสู้กันอย่างเอาเป็นเอาตาย คุณเริ่มหงุดหงิดกับตัวเอง อึดอัด และอารมณ์เสียขึ้นมาดื้อๆ

ความจริง ผมเป็นหน่วยสนับสนุนให้เราทุกคนลองหาวิธีเป็นตัวของตัวเองได้ในทุกสถานการณ์ดังชื่อของคอลัมน์นี้ แต่บางสถานที่อย่างเช่นที่ออฟฟิศ ก็ใช่ว่า ทุกคนจะทำได้สะดวกสบาย อีกประการหนึ่ง การมีสัมพันธ์กับใครบางคนที่ทำงานด้วยกันอาจมีปัญหาตามมา ทั้งหญิง-ชายก็เหมือนกัน แต่เอาเถอะนะ คงต้องอนุโลม เพราะคุณจะไปเจอใครที่ไหนได้ล่ะ? ในเมื่อชีวิตหนึ่งในสามก็อยู่แต่กับงาน

ในกรณีนี้ คุณ “แองเจลโล่ เพโซตเต” ผู้เชี่ยวชาญชื่อดังของนิวยอร์คด้านความสัมพันธ์ทางเพศระหว่างคนเพศเดียวกันมีทางออกที่น่าสนใจ เขาเป็นคนที่แนะนำอะไรให้เข้าใจได้ง่าย ขอนำเสนอและขยายความดังนี้

ประการแรก เขาแนะนำว่า หากคุณเกิดปิ๊งใครขึ้นมา จงเลิกเดาว่า หนุ่มคนนั้นคิดอะไรอยู่ มัวแต่คิด และเดาสุ่มเอาเองย่อมไม่เกิดประโยชน์อะไรเพราะคุณไม่ได้เป็นนักอ่านจิตใจใคร ดูสิ ใจคุณเองยังสับสนขนาดนี้เลย ลองให้ใครมานั่งอยู่ข้างใน ไม่นานเขาคงต้องตายอยู่ในนั้นเพราะหาทางออกไม่เจอ คุณต้อง “Be Yourself- เป็นตัวของตัวเอง” คุณแองเจลโล่แนะนำอย่างนั้น

ในกรณีนี้ หมายถึง ให้คุณรวบรวมความกล้า ตั้งสติ และเอ่ยทักทายหนุ่มคนนั้นอย่างเรียบง่ายธรรมดา ทำน้ำเสียงให้เป็นปกติที่สุด “สวัสดีครับ...” แนะนำตัวคุณไปเหมือนคุณกำลังพบใครบางคนที่เพิ่งเจอะเจอกันครั้งแรก

คุณอาจมีคำถามว่า จะทำอย่างนั้นได้ไง ในเมื่อแค่เห็นหน้าเขา แล้วเขาส่งยิ้มมาเล็กๆ หัวใจคุณก็แทบจะทะลุออกมาจากอกเสียแล้ว

คำแนะนำในกรณีนี้ก็คือ ต้องรู้จักเปลี่ยนทัศนคติของคุณเสียใหม่ เก็บความคิดที่จะ “ปลดปล่อย” หนุ่มคนนั้นในทุกๆ เรื่องไปก่อน มันไม่เวิร์ค

ทำไม? ก็เพราะการ “เข้าหา” เป้าหมายของคุณจะไม่เนียน ตราบใดที่ในหัวของคุณคิดเตลิดไปถึงเรื่องบนเตียง คิดเสียใหม่ว่า “ฉันอยากจะรู้จักเขาในฐานะเพื่อนร่วมงานคนหนึ่ง” พยายามสะกดจิตของคุณเองให้คิดแต่เรื่องทำความรู้จักกันก่อนก่อนเรื่องอื่นใด แม้กระทั่งเรื่องที่ว่า เขาเป็นเกย์เหมือนคุณหรือเปล่า

ผมคิดว่า คนเรานะครับ หากได้ลองพูดคุยกันสักสองสามหน ก็จะเริ่มสนิทกัน เริ่มไว้ใจกัน ลองนึกถึงเพื่อนสมัยเรียนสิครับ ถ้าคุณรู้จักใคร ได้พูดคุยกับคนนั้นบ่อยๆ คุณกับเขาจะเริ่มสนิทกันไปเอง หรือในที่สุดกลายเป็นเพื่อนก๊วนเดียวกันไปเลย

ดังนั้น การเริ่มต้นจาก “ไมตรีจิต” ในการจีบใครบางคนไม่ว่าหญิงหรือชาย จึงเป็นหนทางที่ปลอดภัยเสมอ คุณอาจจะหาเรื่อง หาโครงการ หรือการประชุมที่เขากับคุณต้องมาพบกัน และทำอะไรร่วมกัน ตอนนี้คุณกับเขาเริ่มวางใจกันแล้ว ได้คุยกันบ่อยขึ้น ถึงเวลาแล้วล่ะที่คุณจะสืบลึกลงไปว่า เขาเป็น “มนุษย์สีรุ้ง” เหมือนคุณหรือไม่

คุณแองเจลโล่ยกตัวอย่างว่า ลองใช้วิธีเลียบเคียง ไม่ต้องกระโตกกระตากดีที่สุด ซึ่งเขาแนะนำอยู่บ่อยๆว่า ในการสนทนาคุณก็ลองหยิบยกเรื่องอะไรที่เกี่ยวกับเกย์ เพื่อสอบถามความเห็นของเขา อย่างเช่น หนัง เพลง นักแสดง หรือเรื่องราวที่เป็นข่าวที่พูดถึงกัน ตรวจดูทัศนคติของเขาอย่างตั้งใจ และไม่ใช้อคติหากเขาเกิดเห็นขัดแย้งกับคุณในเรื่องอย่างเช่น ตกลงแจ็คใน Brokeback Mountain ตายเพราะอะไร?

หลังจากนั้น หากคุณค้นพบว่า เขาก็น่าจะใช่เกย์เช่นคุณ ซึ่งตอนนี้สายตา ท่าทาง น้ำเสียงของคุณสองคนก็ปิดไม่มิดล่ะครับ คงถึงเวลาที่จะรุกในขั้นต่อไป คุณจะเริ่มคบหาเขา ไปเที่ยวกันสองต่อสอง หรือพากันไปสนุกส่วนตัวตามประสา อะไรก็แล้วแต่ สุดแล้วแต่คุณ โปรดจำไว้ว่า คุณไม่ได้ผิดอะไรที่จะรักคนเพศเดียวกัน หรือมีเพศสัมพันธ์กับคนเพศเดียวกัน

สิ่งที่คุณแองเจลโล่แนะนำ สามารถทำความเข้าใจได้ง่ายๆ ดังนี้ จะจำหรือจะจดไว้ไม่เสียหายครับ

“Get to know him as a person first for a bit. Make the gay-thing second and the sex-thing third.” (รู้จักอะไรๆ เกี่ยวกับเขาในฐานะคนๆ หนึ่งสักเล็กน้อยเสียก่อน ค่อยๆ คุยเรื่องเกย์ๆ ตามมา ส่วนเรื่องเซ็กซ์เก็บไว้หลังสุด)
คุณผู้อ่านที่เป็นผู้หญิงอาจสงสัยว่า เกย์เจอกันทีไรก็จะคิดจะ “เฉาะ” กันเลยทุกทีหรือเปล่า ไม่ใช่อย่างนั้นทุกคนนะครับ แต่จะบอกว่าไม่มีก็โกหก หากคนเรายอมรับความจริงกัน เกย์ก็คือผู้ชายนี่แหละ มีความปรารถนาแรงกล้าและชอบผจญภัย คุณผู้หญิงลองคิดๆ ดู ผู้ชายสักกี่คนที่มาจีบคุณแล้วไม่คิดจะกินคุณน่ะ?

สำหรับมนุษย์สีรุ้ง หากคุณเข้าหาเป้าหมายแล้ว เปิดทางพูดคุยกับเขาขนาดนี้แล้ว เขายังเป็น “ปริศนา” สำหรับคุณอีก ก็คงถึงเวลาถอนสมอเรือ คุณไม่จำเป็นต้องไปช่วยใครให้เปิดใจกับคุณ ก็ในเมื่อคุณยังเปิดอะไรๆ ไม่ได้เต็มที่ คุณจำเป็นต้องยอมรับความจริงข้อนี้เช่นกัน และเปิดโอกาสให้ตัวเอง ทำความรู้จักคนอื่นแทนซะ

ฝึกบ่อยๆ แล้วจะชิน

บอกต่อกันไป : Saving Face หนังเนื้อหาดีแนวหญิงรักหญิง ฉายที่พารากอน ลองไปดูกัน/ (งานส่วนตัว) ใครที่อยากรู้ว่า หนุ่มเกย์รู้สึกอย่างไรเวลาโดนผู้หญิงเข้าหา และจะรู้ได้ยังไงว่าใครเกย์ อ่านได้จากนิยายเล่มใหม่ของอเล็กซ์ ซานเชซ So Hard To Say (ชื่อไทย ซ เฟรดเดอริคกะซีโอ) เรื่องราวของซีโอเด็กมัธยมต้นหลงรักหนุ่มหล่อที่เพิ่งย้ายโรงเรียนมา เข้าร้านหนังสือปลายอาทิตย์ที่จะถึงนี้

-end-

All rights served.

10 comments:

Anonymous said...

เป็นวิธีที่น่าสนใจดีครับ แม้ว่าสุดท้ายเราค้นพบว่า "เขาก็เป็นมนุษย์สีรุ้ง" เหมือนกัน แต่ใช่ว่าเขากับเราจะต้องเป็นแฟนกัน?

เราอาจจจะได้เพื่อนที่สนิทด้วยมาแทน เพิ่มอีกหนึ่งคน แต่หากเราไปตกหลุมรักเขาเข้าแล้ว แต่เขากับไม่สนใจ มันไม่กลายเป็นว่า

"มองหน้ากันไม่ติด" หรือครับ ---แค่ต่อยอดความคิดให้นะครับ คงถึงเวลาที่ "ถอนสมอเรือ...คุณจำเป็นต้องยอมรับความจริงข้อนี้เช่นกัน และเปิดโอกาสให้ตัวเอง ทำความรู้จักคนอื่นแทนซะ

หากประสบความสำเร็จได้เป็นแฟนกันจริงก็ดีกว่านะครับ

P.S.P.S. หวัดดีเพื่อนๆทุกคน : nam /Mr. novotny /Libertine/b&w/beemanufan/CrazyP ฯ

Anonymous said...

บทความพี่วิทยาตอนนี้อ่านแล้วผมจะนำไปใช้นะครับ 55 เพราะว่าผมก้เพิ่งจะเริ่มทำงานเมื่อต้นเดือนนี้เองคับ หลังจากที่ได้บอกเพื่อนคนนึงไปแล้ว รายต่อไป (ผู้โชคดีคนต่อไป)คงเป็นพี่ๆที่ทำงานของผมล่ะคับ ยังไงก็ขอขอบคุงคำแนะนำดีๆ และสิ่งดีๆที่พี่วิทย์มีให้ผมและทุกๆคนเสมอนะค๊าบบ แล้วก้สวัสดีเพื่อนๆพี่ๆน้องๆ ทุกคนด้วยนะคับ ^-^

Anonymous said...

อยากนำไปใช้เหมือนกันครับ แต่ผมว่าคนในออฟฟิศ
เดียวกันเนี่ย...คงจะไม่ดีกว่านะ แต่ครั้นจาเป็นคน
ข้างนอก โอกาสที่จะได้ปฏิสัมพันธ์กันก็ไม่เยอะนะ

ก็คงได้ใช้ตามสถานที่อื่นอย่างเรียนในคลาสเดียวกัน
ไรงี้มั้งครับ ก็น่าจะเวอร์คกว่านะ เราจาได้มีโอกาสได้
หายใจหายคอมั่ง ถ้าออฟฟิศเดียวกันนะ...เหอเหอ
นึกภาพไม่ออกจริงๆ

Anonymous said...

Sawasdee Pee Vit'
Hi..Itk/Mr.novotny /Libertine/b&w/beemanufan/CrazyP and others,

คุณผู้อ่านที่เป็นผู้หญิงอาจสงสัยว่า เกย์เจอกันทีไรก็จะคิดจะ......เกย์ก็คือผู้ชายนี่แหละ มีความปรารถนาแรงกล้าและชอบผจญภัย คุณผู้หญิงลองคิดๆ ดู ผู้ชายสักกี่คนที่มาจีบคุณแล้วไม่คิดจะ'''กินคุณน่ะ?''..=_='..I am not delicious(just kidding)...Cheer you up

Anonymous said...

พี่วิทย์ ขอเก็บไปใช้บ้างได้ป่ะ อาจเอาไปประยุกต์ไว้จีบหนุ่มๆได้กระมัง และเราพึ่งรู้ว่า เฟดเดอริกกะซีโอคือชื่อภาษาไทยของ so hard to say ที่เรารออ่าน

Anonymous said...

-__-" ทำไมพี่วิทย์ไม่ Post ให้มันเร็วกว่านี้อีกซ้ากนิ้ด... ปล่อยให้ผมทำไร่แห้วส่งออกไปไม่รู้กี่ตันแล้ว...

ว่าแต่ว่า... ไม่รู้ผมจะทำตามวิธีของพี่ได้หรือเปล่านะเพราะผมก็ไม่แน่ใจว่าจะจัดลำดับเรื่องที่จะคุยกับเขาได้ถูกหรือเปล่าแล้วถ้าเผลอคุยเรื่องเกย์ ๆ หรือเรื่องบนเตียงไปก่อนแล้วทีนี้มันจะเป็นไงกันล่ะคับ... เอาไว้ทดลองดูแล้วจะบอกละกันว่า WORK หรือเปล่า ^__^

Anonymous said...

กรณีนี้ต้องมีฝ่ายหนึ่งที่เปิดเผยตัวสิครับว่าเป็นมนุษย์สีรุ้ง เพราะไม่งั้นจะทำให้อีกฝ่ายยอมรับที่จะคบได้ยังไง ..

ซึ่งมันก็คงยากนะครับหาก เพราะหากเรายังไม่อยากเปิดตัว เราก็คงไม่กล้าแสดงออกมาก เพราะหากมันไม่ใช่ ก็คงหน้าแตกเหมือนกัน

ผมชอบความสัมพันธ์ที่ต่างฝ่ายต่างรู้สึก โดยที่มันเกิดขึ้นโดยไม่รู้ตัวมากกว่า แต่ก็คงหายากอ่ะนะ

หรือไม่ก็ไปสถานที่ๆรู้กันเลย ว่าเป็นแบบเดียวกัน จะได้ไม่ต้องเสียเวลาสงสัย.. แต่มันก็เสี่ยงไปอีกแบบ

Anonymous said...

ไม่ว่าเพื่อนที่ทำงาน เพื่อนเรียน ผมก็ไม่กล้าบอก ผมกลัว

Vitaya S. said...

อย่าลืมสุภาษิตนี้นะ บางครั้งมันก็เวิร์คเหมือนกัน : ด้านได้อายอด!!!! อ่ะนะ ก็แล้วแต่ลักษณะนิสัยของแต่ละคน บางทีคนเราก็ต้องลองอะไรใหม่ๆ มั่ง จำไว้นิสหนึ่ง-ที่ต้องอดน่ะ มันก็ดีอยู่หรอก แต่ต้องหัดด้านไว้บ้าง ถึงจะได้รู้ว่า "อด" เป็นยังไง แต่อดน่ะในที่นี้ ไม่ได้หมายถึงอด "กิน" เขา แต่อด "ทรมานใจ" ต่อไปไง คงจะดีกว่าเป็นไหนๆ

ิพออ่านๆ ที่ช่วยกันโพสต์แล้วก็รู้สึกว่า มีความคิดใหม่ๆ เกิดขึ้น ดีทีเดียวเชียว เดี๋ยวเอาไปนั่งคิดก่อน คงมีประเด็นเอามาเสนอท่านผู้อ่่านต่อไป

สำหรับอาทิตย์หน้าจะเป็นเรื่องหนุกๆ อีกเรื่อง

ใครอยากรู้ว่า ใครทำให้กระผม "หน้าแตก" หรือ "ขายแห้ว" มาแล้ว เตรียมรออ่านด้ายยยย...โธ่
พี่ ไม่น่าทำกับผมเลยยยยย...คือ ความรู้สึก
ในตอนต่อไป...

Anonymous said...

การมีเพื่อนเพิ่มขึ้นอีกคนหนึ่ง โดยที่ไม่ต้องคิดถึงเรื่องอื่นๆ หรือมี hidden agenda ใดๆ ก็อาจทำให้สามารถมีกิจกรรมต่างๆ ร่วมกันได้ดี ไม่ว่าจะเล่นกีฬา ท่องเที่ยว กินข้าว ดูหนัง หรือแม้แต่ชวนไปเดินเล่นกัน ได้อย่างไม่ตะขิดตะข้วงใจ บางครั้งไม่ว่าเราจะเปิดเผย (แสดงออก)หรือไม่เปิดเผยตัวตนก็ตามแต่ การมีเพื่อนที่ดีไม่ว่าเขาคนนั้นจะเป็นเกย์ หรือไม่เป็นเกย์ น่าจะเป็นเรื่องที่ดีไม่ใช่หรือครับ อย่างน้อยก็มีเพื่อนคุยด้วยเพิ่มอีกหนึ่งคน เพราะหากจะคบใครสักคน แล้วนึกแต่ว่า..เราจะก้าวไปถึงการมีความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งอย่างเดียว.. ก็จะยิ่งทำให้เราเหนื่อย และหมกหมุ่นเกินไป เพียงทำตัวตามสบาย ยิ้ม ทักทาย เพียงกล้าเดินเข้าไปหาเขาก่อน โดยคิดเพียงว่า "รู้จักกันใช่ว่า ใส่บ่าแบกหาม แต่อย่าบุ่มบ่าม คิดแต่จะหามเค้าท่าเดียว" ถ้าไม่คิดเกินเลยตั้งแต่แรก อาจนำพาไปสู่ความสัมพันธ์ที่มีมิตรภาพ หรือความรู้สึกที่ดีต่อกัน หรืออาจจะนำไปสู่อาการ.....เจียยยว..โว้ย...ก็ได้ใครจะไปรู้...

Have a nice weekend. See you around.