Sunday, November 12, 2006

เมื่อหมอบอกว่า...คุณไม่ใช่ผู้หญิง

เลิกแอบเสียที / วิทยา แสงอรุณ Metro Life นสพ. ผู้จัดการวันเสาร์ vitadam2002@yahoo.com
11-12 Nov 2006

ราวยี่สิบปีที่แล้ว นักกรีฑาทีมชาติไทยคนหนึ่งกำลังฝึกซ้อมที่ประเทศเยอรมัน เพื่อเตรียมลงแข่งเอเชี่ยนเกมส์ เธอมีอาการปวดท้องอย่างรุนแรง พอกลับมาบ้านเกิด ตรวจเช็คดู หมอบอกว่า เป็นไส้เลื่อน!!

ไม่นานนัก “จรรยา ชะเอม” เข้าตรวจที่โรงพยาลบาลศิริราช หมอพบว่า ดูจากโครโมโซมแล้ว เธอต้องเป็นผู้ชาย!!! ในเวลานั้น พอหมอถามว่า เธออยากจะเป็นผู้หญิง หรืออยากจะเป็นผู้ชาย? ด้วยอะไรบางอย่างมาดลใจก็ไม่อาจรู้...

เธอบอกไปว่า...อยากเป็นผู้ชาย

ครั้นกลับไปบ้านเกิดก็ปรากฏว่า สิ่งที่เธอบอกเป็นจริงขึ้นมาแล้ว ในเอกสารใบเกิด และเอกสารอื่นๆ ที่อำเภอ ได้ถูกเปลี่ยนชื่อ เปลี่ยนเพศไปแล้ว และเปลี่ยนคำนำหน้าใหม่ ระบุว่า เธอเป็น นาย เลยต้องเปลี่ยนชื่อไปว่า “ยุทธนา ชะเอม”

ถ้าคุณผู้อ่านได้ดูบันทึกสัมภาษณ์ คุณ “หนึ่ง” ในรายการตีสิบ เมื่อวันที่ 31 ตุลาคม 2549 คงแทบไม่เชื่อเลยว่า เรื่องราวพรรค์นี้เกิดขึ้นได้ยังไงกับชีวิตคนๆ หนึ่ง เดี๋ยวเป็นผู้หญิง เดี๋ยวเป็นผู้ชาย

ยังไม่จบแค่นั้นครับ

ตอนครบเกณฑ์ทหาร “หนึ่ง” (ขอหลีกเลี่ยงไม่ใช้สรรพนามว่า “เขา” หรือ “เธอ” นะครับ) ก็เลยต้องเข้าเกณฑ์เหมือนชายฉกรรจ์อื่นๆ จากการตรวจร่างกายถือว่าสมบูรณ์แบบพร้อมเกณฑ์อีกต่างหาก คืออยู่ประเภท ดี 1 ประเภท 1 ถึงเวลาจับสลาก โชคดี หนึ่งจับได้ใบดำ เลยไม่ต้องไปฝึกทหาร

โชคชะตาเริ่มเล่นตลกอีกครั้ง เมื่อหนึ่งต้องแต่งงาน เรื่องของเรื่องคือ สมัยนั้นเข้าทำงานเป็นลูกจ้างประจำในกระทรวงแห่งหนึ่ง หนึ่งอ้างว่า ที่นั่น สนับสนุนให้ทุกคนมีครอบครัว แต่งงานมีหลักมีฐาน หนึ่งก็เลยขอให้ญาติห่างๆ คนหนึ่งมาจดทะเบียนด้วย และคนที่แต่งงานด้วยกับหนึ่งก็รู้ว่า หนึ่งไม่ได้ชอบผู้หญิงด้วยกัน แต่ชอบผู้ชาย

ในเวลานั้น ในใจญาติคงสับสนไม่น้อยว่า คนที่ฉันแต่งงานด้วย เป็นเกย์ หรือเป็นกะเทย หรือเป็นอะไรกันแน่? เพราะคำนำหน้าหนึ่งเป็นนาย รูปลักษณ์ภายนอกดูเป็นผู้ชาย ท่าทางการเดินเป็นผู้ชาย เสียงทุ้มลึกแบบผู้ชาย แต่หนึ่งบอก ฉันชอบผู้ชาย

“ในใจน่ะ หนึ่งชอบผู้ชายนะ ชอบตั้งแต่เด็กๆ มาแล้ว” หนึ่งให้สัมภาษณ์

อีกสิ่งหนึ่งที่บอกหนึ่งว่า หนึ่งไม่ใช่ผู้ชาย หนึ่งไม่ใช่เกย์ และหนึ่งไม่ใช่กะเทยก็คือ อวัยวะเพศ ซึ่งอวัยวะเพศของหนึ่งเป็นผู้หญิง คุณวิทวัสเลยสัมภาษณ์ต่อเรื่อง หน้าอก และเรื่องประจำเดือน ก็ได้รับทราบว่า ตอนอายุ 14-15 ก็เคยมีประจำเดือน (พูดอย่างไม่ค่อยแน่ใจ) และรู้สึกว่า ตัวเองมีหน้าอก

“แต่พอเล่นกีฬามากขึ้นๆ ก็ดูเหมือนหน้าอกจะหายไป”

ชะตาชีวิตพลิกผันอีกครั้งกับ การเป็นชาย/การเป็นหญิง คุณหนึ่งอ้างว่า ตอนทำงานในราชการนั้น งานหนักมากและต้องใช้เวลานานในแต่ละวัน เลยเริ่มใช้ยาบ้าช่วยกระตุ้น จนกระทั่งโดน “ล่อซื้อ” โดยเด็กคนหนึ่งที่เคยเป็นคนขายยาให้ มาเคาะประตูบ้าน แล้วบอกว่า จะขอซื้อยาคืน พอส่งไปให้เท่านั้นแหละ ไม่รู้ตำรวจโผล่มาจากไหน จากการเป็นแค่ผู้ซื้อ เลยโดนจับในข้อหาเป็นผู้ขาย

หนึ่งต้องโทษ และอย่างที่เดาได้ล่ะครับ ถูกส่งไปอยู่เรือนจำชาย

“พ่อก็พยายามวิ่งเต้น บอกใครๆ ว่า ลูกเป็นผู้หญิงนะ แต่ละวันผ่านไปต้องคิดเพิ่ม คิดหนักกว่าคนอื่น คิดระวังตัวเองเป็นสองเท่า คิดไปว่า ถ้าเป็นสาวประเภทสอง คงยังพอทน ยิ่งตอนอาบน้ำ กินข้าว ต้องระวังไปหมด จนผ่านไป 6-7 เดือนก็เริ่มทนไม่ไหวแล้ว ต้องหาที่พึ่ง”

หนึ่งบอกว่า ตัดสินใจขอพบผู้มีอำนาจหน้าที่ในนั้น เพื่อจะบอกว่า ตัวเองเป็นผู้หญิง สิ่งที่ทำให้คนๆ นั้นเชื่อในทีสุดก็คือ ถอดเสื้อผ้าท้าพิสูจน์ แล้วเจ้าหน้าที่ก็ถึงกับอึ้ง เลยช่วยหาทางออกด้วยการให้นักโทษที่ประพฤติดีคนหนึ่งเป็นคนดูแลช่วยเหลือ

ความใกล้ชิดจึงเกิดขึ้น แล้วสองคนก็ตกลงเป็นแฟนกัน

ชีวิตของทั้งสองดำเนินไปนอกคุกแล้วในปัจจุบันนี้ สิ่งที่คุณหนึ่งเล่าต่อมาก็คือ แฟนหนุ่มอยากแต่งงานด้วยกัน แต่ด้วยสถานะของ “นายยุทธนา” จึงเป็นไปไม่ได้ ประกอบกับ หนึ่ง เล่าว่า อยากให้แม่บังเกิดเกล้า ยอมรับ เพราะหลังจากคลอดมาแล้ว แม่ก็ยกให้คนอื่นเลี้ยง เคยพบแม่หนหนึ่ง ซึ่งแม่ก็บอกว่า หนึ่งไม่ใช่ลูก เพราะตอนเกิด

“ฉันมีลูกเป็นผู้หญิงนี่”

จึงเป็นสาเหตุให้คุณหนึ่งติดต่อมาออกในรายการล่ะครับ ตามที่ให้สัมภาษณ์อย่างนั้น เพราะหนึ่งต้องการให้รายการเป็นสื่อช่วยให้ตัวเอง กลับไปใช้สถานะของผู้หญิงดังเดิม รายการตีสิบเลยช่วยจัดการให้หนึ่งไปตรวจอีกครั้งที่โรงพยาบาล

ที่โรงพยาบาลเวชธานี (โดยคุณหมอมงคลชน ฎีระวณิชย์กุล) รายการแสดงภาพวิดีโอ: หนึ่งได้รับการตรวจอย่างละเอียด รวมทั้งขึ้นขาหยั่ง และแล้วก็ถึงเวลาสำคัญที่หมอจะเผยผลตรวจ ซึ่งทางรายการบันทึกภาพไว้ล่วงหน้าแล้ว หมอประกาศในรายการให้เจ้าตัว รายการ และผู้ชมฟังพร้อมๆ กัน ผลปรากฏว่า

“มีโครโมโซม 46 XY เป็นผู้ชายแน่นอน!!!”

มาถึงจุดนี้ ใครๆ ดูอยู่คงต้องอึ้งตามๆ กัน พร้อมกับไม่รู้ว่า จะรู้สึกยังไงดีกับกรณีนี้ คุณหนึ่งนั้น เริ่มจากหน้าถอดสีที่รู้ผล อ้าปากตาค้างเล็กน้อย และเริ่มมีน้ำตาไหลออกมา หนึ่งพูดด้วยเสียงทุ้มๆ ว่า ที่ยอมไปตรวจที่เวชธานี เพราะ “มั่นใจ มั่นใจว่า ตัวเองเป็นผู้หญิง”

ในส่วนท้ายๆ ของรายการ หนึ่งคุยกับคุณวิทวัสด้วยน้ำเสียงเนือยๆ แบบคนผิดหวังลึกๆ ว่า “หนึ่งไม่เข้าใจเลย ไม่มีความสุขกับเขาเลย”

และมีอีกส่วนหนึ่งที่ทางรายการจะพยายามสรุปก็คือ “คนเราเลือก ‘เกิด’ ไม่ได้ และ (ในกรณีนี้) เลือก ‘เป็น’ ไม่ได้อีกด้วย”

คุณผู้อ่านที่เป็นชายรักชาย หรือหญิงรักหญิง สาวประเภทสอง หรือคุณผู้อ่านที่เป็นชายหญิงทั่วไป อ่านมาถึงตรงนี้ รู้สึกอะไรบางอย่างเหมือนผมไหมครับ?

ตกลงแล้ว ความเป็นผู้หญิง ความเป็นเป็นผู้ชาย การมีเพศเป็นหญิง การมีเพศเป็นชาย ความรู้สึกว่าตัวเองเป็นหญิง ตัวเองเป็นชายนั้น
ใคร หรืออะไร เป็นตัวกำหนดกันแน่?


ถ้าเรายึดว่า ใครที่มีโครโมโซมเป็น XY ถือเป็นที่สิ้นสุด คือ คุณต้องเป็นผู้ชาย ชีวิตของคนๆ หนึ่ง และอาจจะมีอีกหลายคนคงต้องอยู่กับความสับสน เพราะรู้สึกว่าตัวเองประหลาด พวกเขาคงต้องทนทุกข์ระทมตลอดทั้งชีวิตทั้งๆ ที่จิตใจตัวเองเป็นผู้หญิงอย่างงั้นหรือ?

ใครกันนะที่บอกว่า คนเราต้องหัดดูแลสุขภาพกันให้ดี ทั้งสุขภาพกาย และใจ?

ในกรณีคุณหนึ่ง ในเมื่อชัดเจนแล้วว่า มีจิตใจเป็นผู้หญิง เจ้าตัวเอง เลือกเองไม่ได้หรือว่า จะเป็นอะไร?

เดิมทีในวงการสาธารณสุขจะเรียกกรณีคุณหนึ่งว่า เป็น “กะเทยแท้” หรือ “hermaphrodite” แต่ในระยะหลังนี้มีศัพท์ใหม่ขึ้นมา ส่วนหนึ่งก็เพื่อลดทอนความรู้สึกลบๆ จากคำว่า hermaphrodite ลง โดยใช้คำว่า Intersex หรือ Intersexual แทน ซึ่งหมายถึง บุคคลที่เกิดมามีอวัยวะเพศไม่ชัดเจนว่า เป็นหญิง หรือชาย

คุณหนึ่งนั้นเป็นตัวอย่างที่น่าศึกษาครับ คุณหนึ่งไม่มีมดลูก มีอวัยวะเพศที่เด่นคือ อวัยวะเพศหญิง มีช่องคลอด แต่เล็ก และก็มีส่วนเล็กๆ คล้ายองคชาติติดอยู่ด้วย ในกรณีคล้ายกันนี้ ในต่างประเทศศึกษากันมานานพอควร

อย่างเรื่องของคุณ Cindy Stone ซึ่งเป็นอาจารย์หญิงสอนวิชาด้านเพศศึกษาที่มหาวิทยาลัยแห่งรัฐอินเดียน่า ก็เป็นอีกคนหนึ่งที่เป็น Intersex ซึ่งเธออยากจะเรียกว่า Disorders of Sex Development หรือ DSD มากกว่า เธอไม่ได้มีโครโมโซม XX เหมือนผู้หญิงทั่วไป แต่เธอมีโครโมโซม Y ด้วย

และอีกอย่างที่สำคัญคือ เธอมีลูกอัณฑะซึ่งอยู่ภายในร่างกาย เธอไม่มีรังไข่ และไม่มีมดลูก เธอไม่รู้ตัวมาก่อนเลยเกี่ยวกับเรื่องนี้ จนกระทั่งเธอสงสัยว่า ทำไมไม่มีประจำเดือนเหมือนเพื่อนคนอื่นๆ แต่ตอนนั้น อายุ 17 ไปตรวจแล้ว หมอบอกว่า เธอมีข้อบกพร่องเกี่ยวกับอวัยวะภายใน เธอมีลูกไม่ได้

เรื่องที่เราๆ ท่านๆ อาจไม่เคยรู้เลยก็คือ นักวิจัยในอเมริกาบอกว่า คนที่เป็น Intersex นั้น พบได้ในเด็กแรกเกิดในอัตรา 1 คน ทุกๆ 1,000 คน หรือทุกๆ 2,500 คน และต่อมามักจะมีการผ่าตัด ปรับแต่งเพื่อให้เกิดความชัดเจนว่า เด็กคนนั้นเป็นหญิง หรือชาย

คำถามก็คือว่า แล้วถ้าเด็กคนนั้น มีจิตใจเป็นเด็กผู้ชาย แต่อวัยวะที่ชัดเจน กลับเป็นอวัยวะเพศหญิงล่ะ จะทำอย่างไร? พ่อแม่ส่วนใหญ่เลยกลายเป็นผู้ต้องตัดสินใจให้ลูก ทั้งๆ ที่ยังไม่รู้ว่า ลูกตัวเองอยากเป็นหญิง หรือเป็นชาย ตอนที่เขาโตแล้ว

กรณีนี้ก็เคยเกิดขึ้นแล้วเหมือนกันครับ และโด่งดังมากทีเดียว เรียกกันในวงการว่า กรณี Joan/John คือ นายจอห์น ไม่ได้เป็น Intersex นะครับ แต่มีเรื่องทำนองเดียวกัน คือ ตอนเกิดมาได้แปดเดือน หมอก็ขลิบอวัยะเพศให้ แต่ทำพลาดครั้งใหญ่ เลยทำให้อวัยวะเพศของทารกน้อยเสียรูปใช้การอย่างอื่นไม่ได้ นอกจากไว้ขับถ่ายปัสสาวะ พ่อแม่ก็พยายามหาทางแก้ไขอย่างสุดความสามารถ ในที่สุด ที่ศูนย์แพทย์ของมหาวิทยาลัย จอห์นส์ ฮอฟกินส์ อันโด่งดัง มีหมอคนหนึ่ง ก็แนะนำว่า

งั้นก็ให้หนูน้อยคนนั้นเป็นผู้หญิงไปเลยแล้วกัน

จริงๆ แล้ว นายจอห์นมีฝาแฝดเหมือนอยู่คนหนึ่ง ทางบ้านเลยต้องปกปิดความจริงไว้ซะมิดชิด ก่อนหน้านั้นทางศูนย์แพทย์ก็ช่วยปรับสภาพร่างกายเขาด้วยการให้ฮอร์โมนเป็นเวลาหลายปี รวมทั้ง “ล้างสมอง” เขาด้วยว่า เขาเป็นผู้หญิงนะ แต่พออายุราว 17 ปี เขาเริ่มไม่ไหวแล้ว จึงเค้นความจริงจากบุพการี และค้นพบว่า ตัวเองเป็นผู้ชาย

ปัจจุบัน คุณจอห์น แต่งงาน และรับบุตรบุญธรรมมาเลี้ยง และใช้ชีวิตแบบผู้ชายทั่วไป

สำหรับคุณหนึ่ง ผมขอเอาใจช่วยนะครับ ให้ต่อสู้ต่อไป และสิ่งที่อาจจะเกิดขึ้นตามมาก็คือ ผู้คนในสังคมของเราจะเริ่มหันมามองเรื่อง เพศสภาพ เพศวิถี และสิทธิมนุษยชนกันมากขึ้น และเราอาจจะหลุดพ้นจากตัวกำหนดชะตาชีวิตที่เราไม่ได้เป็นผู้เลือก

-end-

All rights reserved.

12 comments:

Anonymous said...

ขอบคุณครับ ได้ความรู้ขึ้นอีกเยอะเลย

ป.ล. รูปประกอบสวย เข้ากันกับเรื่องดีนะครับ

Anonymous said...

เห็นด้วยครับ จะไปยอมให้อะไรที่คนอื่นเขาวัดมากำหนดชีวิตของตัวเองไปทำไม

*-*

Anonymous said...

เห็นด้วยกับพี่วิทย์ค่ะ จะให้คนอื่นมากำหนดทำไม ชีวิตเป็นของเรา เรากำหนดเอง น้องนะ หวัดดี เข้ามาอ่านเหมือนกันเหรอ พี่วิทย์ เราตอบเมล์แล้วนะคะ

Anonymous said...

เออ พี่วิทย์ครับ กรณี intersexual นี่ มันเป็นผลจาก ความผิดปกติทางโครโมโวมไม่ใช่เหรครับ
คือการมีโครโมโซมเป็น XXY แต่ในกรณีคุณหนึ่ง ไม่น่าจะนับเป็นกรณีนั้นนะครับ (รึเปล่า ผมเองไม่แน่ใจ)
แต่สิ่งที่กำหนดเพศ คือ โครโมโซมจริงๆ ดังนั้นคุณหมอที่ แสดงผลตรวจอ่ะไม่ผิดหรอกครับ

แต่กรณีอย่างนี้ สามารถเกิดขึ้นได้จาการพัฒนาของอวัยวะเพศที่ไม่สมบูรณ์ ซึ่งจริงๆแล้วอวัยวะเพศชายและหญิงมีต้นกำเนิดมาจาก ชั้นเนื้อเยื่อเดียวกัน

เพียงแต่ฮอร์โมนที่มากระตุ้นต่างกัน เท่านั้นอ่ะครับ
ดังนั้นกรณี คุณหนึ่งจึงเป็นการผิดปกติทางฮอร์โมนในขณะตั้งครรภ์

แต่ ยังไง ผมจะลองถามเพื่อนที่เป็นหมอให้อีกทีนะครับ

แต่ผมว่าถ้าคุณหนึ่งอยากเป็น ผู้หญิงจะไปสนใจผลตรวจทำไมครับ ตัวคุณหนึ่งต้องเป็นคนตัดสินใจเองสิครับ

Anonymous said...

แวะมาให้กำลังใจอีกตามเคยครับพี่วิทย์

ในกรณีของ "คุณหนึ่ง" ซึ่งวันที่ออนแอน์ก็มีโอกาสได้ดูเหมือนกันครับ

ในช่วงแรกๆ ดูไปก็รู้สึกสงสาร "คุณหนึ่ง" เค้าเหมือนกัน เดี๋ยวเป็นหญิง เดี๋ยวเป็นชาย ไม่รู้จะอะไรยังไงกันแน่ ไม่เข้าใจเหมือนกัน แล้วไอ้กับการที่มีเพศเป็นตัวบ่งชี้ล่ะ ไม่ได้บอกว่าเป็นเพศหญิงหรือชายเหรอ ดูแล้วก็เกิดคำถามหลายๆ คำถามขึ้นกับตัีวเอง และงงอยู่เหมือนกัน

แต่อีกอาการหนึ่งจะเรียกว่า "สมน้ำหน้า" ก็ไม่ถูก เพราะมีคำพูดของ "คุณหนึ่ง" ประโยคนึงในครั้งแรกที่หมอถามว่าอยากเป็น หญิง หรือ ชาย คุณหนึ่งกลับบอกว่า อยากเป็นชายมากกว่าหญิง ทั้งๆ ที่ความรู้สึกของตัวเองเป็นหญิงแล้วจะเป็นชายไปเพื่ออะไร ทำเพื่อประชดเหรอ หรือทำเพื่ออะไร พอทำไปแล้ว ผลลัพธ์ออกมาเป็นอย่างไร อันนี้ตัวคุณหนึ่งเอง เค้าน่าจะยอมรับได้ เพราะทั้งหมด เค้าเป็นคนก่อเองทั้งหมด เหมือนคำพูดที่เค้าบอกกันว่า "เรียนผูกเองก็ต้องเรียนแก้เอง"

อันนี้ไม่อยากจะเรียกว่า "สมน้ำหน้า" นะครับ แต่ว่าอยากให้คุณหนึ่ง สู้ต่อไปละกัน ไม่ว่าหนทางข้างหน้าจะเป็นอย่างไร คุณมีตัวที่แสดงเพศของคุณอย่างชัดเจนถึงขนาดนี้ กะแค่คำนำหน้าคุณหนึ่งเองจะต้องแคร์ด้วยเหรอ ผมว่าแค่คุณหนึ่งทำตัว รูปลักษณ์ของคุณหนึ่งเองให้เป็นผู้หญิงมากกว่านี้ อยู่ด้วยกันกับคนรักของคุณหนึ่งเอง ถึงแม้จะจดทะเบียนไม่ได้ มีลูกไม่ได้ ก็ไม่เห็นจะเป็นไรเลย

แล้วจะแวะมาเป็นกำลังใจอีกนะครับพี่วิทย์

"คนของความสะใจ"

Anonymous said...

เข้าใจว่าเป็น Testicular feminization เป็นชื่อทางการแพทย์ของโรคนี้ครับ คือมีโครโมโซมเป็นชายจริง แต่เนื่อเยื่อไม่ตอบสนองกับฮอร์โมนเพศชาย ตัวอ่อนจะพัฒนาเป็นแบบหญิง (คือเบสิกฟอรม์ของตัวอ่อนเป็นแบบหญิงนะครับ) แต่จะไม่มีมดลูก รังไข่ จริงๆถ้าไม่ไปจับมาตรวจโครโมโซมก็อยู่แบบเป็นหญิงแน่นอน ตอนเรียน genetic มีตัวอย่างเคสเป็นคุณยายท่านหนึ่ง ก็เป็นผู้หญิงไปเลยครับ แต่ไม่สามารถมีลูกได้
ผมว่าน่าจะเลือกเป็นหญิงได้นะครับ จริงๆใกล้หญิงมากกว่าชายแบบมากๆเลย

คิวว์ said...

อ่านแล้วตกใจมาก รู้สึกว่าทางเลือก ที่จะเป็น น่าจะมีมากกว่านี้

อยากให้จบแบบแฮปปี้เอนดิ้ง..

Anonymous said...

เข้ามาอ่าน แล้ว
แล้วเลย เข้ามายิ้มให้

ธรรมชาติเป็นสิ่งลึกลับ

Anonymous said...

ชอบข้อคิดที่บอกว่า อะไรเป็นตัวกำหนดความเป็นผู้ชายหรือความเป็นผู้หญิงให้กับคน ๆ หนึ่ง...

เพราะมันทำให้คิดว่าชีวิตของคนในทุกวันนี้มันไม่น่าจะมีกรอบอะไรมาครอบให้เราต้อง คิด หรือ รู้สึก ไปในแบบที่สังคมพยายามตีกรอบล้อม "ความคิด" ของผู้คนไว้ว่า เราต้องเป็นแบบนั้น คิดแบบนี้ หรือ "คนปกติ" ต้อง รู้สึกแบบนั้น ชอบแบบนี้ เพราะผมคิดว่าคำว่า "ความรู้สึก" เป็นเรื่องธรรมชาติของแต่ละคน มันควรเปิดกว้างและปราศจากกฎเกณฑ์ใด ๆ มากำหนดให้เรา "รู้สึก" และผมก็คิด ว่าบางส่วนของสังคมมีอิสระมากขึ้นและไม่น่าจะแปลก ถ้าคนเราจะชอบในบางด้านของผู้หญิงและชื่นชมบางมุมของผู้ชาย บางอารมณ์เราอาจชอบได้ทั้งสองเพศในเวลาเดียวกัน ขึ้นอยู่กับว่าเรามีสติและรู้ตัวว่าเราชอบอะไร และทำอะไรอยู่ในตอนนี้...

หากมันเป็นความรู้สึกและความต้องการของเราอย่างแท้จริง

Anonymous said...

ว้าวพลาดอย่างแรงไม่ได้มีโอกาสได้ดูทีวีไทยครับ
แถมพลาดซ้ำสอง เพิ่งเข้ามาอ่านวันนี้

ผมคิดเหมือนคุณ betar ที่ว่า ไม่ต้องสนใจผล
ของการตรวจ ชีวิตคนเรามันต้องมีอะไรที่มากกว่า
X และ Y แน่นอน เราเลือกเอง กำหนดเองเถอะ
ครับ

ทางบัญชีเขาเรียก Substantive over Form
เนื้อหาในสาระ สำคัญว่า รูปแบบ เหมือนอย่างกรณี
ที่ Temasek ถือหุ้น Shin ผ่าน Nominy คนไทย
ซึ่งตามตัวอักษร(Form) Shin ยังเป็นบริษัทของ
คนไทยอยู่ แต่อำนาจในการจัดการ และการบริหารที่
แท้จริง(Substantive) กลับไปอยู่ในมือของ
Temasek ซึ่งเป็นบริษัทต่างชาติ แล้วดังนั้นในเนื้อ
หาสาระ ย่อมพูดไม่ได้ว่า Shin ยังเป็นบริษัทของ
คนไทยอยู่


O1235

Anonymous said...

เคยได้ดูสารคดีในช่อง 9ชื่อ a boy with no penis คล้ายเรื่องของคุณ John ที่พี่วิทย์ว่าเลยครับแต่คนนี้ชื่อDavid Reimer ครับ
แต่ว่าท่านนี้น่าจะเป็น classic caseมากๆ เพราะได้ชื่อว่าเป็น sin science เลยครับเนื่องจากจิตแพทย์ที่ครอบครัวนี้ปรึกษาได้พยายามบังคับทุกวิถีทางให้เด็กชายที่ไม่มีลึงค์กลายเป็นเด็กหญิงให้ได้ เพื่อพิสูจน์ทฤษฎีของเขาเองว่าเพศเป็นเรื่องที่ปลูกฝังได้ อ้อคนนี้ก็มีฝาแฝดเหมือนกันครับและเป็นเด็กผู้ชายธรรมดาทำให้คุณหมอคนนี้เลือกจับเขาสองคนเข้าการทดลองแผลงๆนี้อ่านแล้วก็สงสารจับใจเลยครับ เรื่องการกำหนดเพศเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อนจริงครับ ว่าแต่เรื่องนี้ไม่ได้ happy ending เหมือนคุณ จอห์นนะครับเพราะว่าเขาและฝาแฝดทั้งสองได้ฆ่าตัวตายทั้งคู่
นอกจากเรื่องชีวิตบัดซบแล้ว รู้สึกว่าความเจ็บปวดในวับเด็กก็เป็นสาเหตุสำคัญนะครับ
ถ้าอยากรู้เพิ่มก็ลองดูในนี้นะครับ
http://www.cbc.ca/news/background/reimer/

Anonymous said...

ควรเลิกสอนกันได้แล้วว่า 46XY Karyotype ต้องเป็นผู้ชาย มันมีตัวแปรมากกว่านั้น