Sunday, December 24, 2006

ค่ำคืนหนึ่งกับแสงสลัวๆ

เลิกแอบเสียที / วิทยา แสงอรุณ Metro Life นสพ. ผู้จัดการวันเสาร์ vitadam2002@yahoo.com
23-24 Dec 2006

บางคนก็บอกอยากจะรู้ บางคนก็บอกอย่าไปเขียน และก็มีบางคนบอกเสียงดังๆ เลยว่า ไม่อยากให้พูดถึงเลยจะได้ไหม?

ฟังๆ ดู เหมือนเขาคนสุดท้ายนั้นกำลังบอกผมว่า มันไม่มีเซาว์น่าในประเทศไทย ทั้งๆ ที่ ความจริงก็คือ ในกทม. นั้นเอาสองมือมานับก็ยังไม่พอ บางแห่งถึงกับติดอันดับโลกในเรื่องความหรูหราน่าสบายจนนักท่องเที่ยวยกย่องถ้วนหน้า แต่มันเป็น ‘ความภาคภูมิใจ’ หรือเปล่าสำหรับคนทั่วๆ ไป?

เอาเถอะครับ เป็นสิทธิ์ของท่านที่จะสนับสนุนหรือคัดค้าน หรือไม่อ่านต่อ และขณะเดียวกันก็มีมนุษย์สีรุ้งจำนวนไม่น้อยนึกภาพไม่ออก และบอกร่ำๆ ว่าอยากจะลองไป ก็เป็นสิทธิ์ของแต่ละบุคคลเหมือนกันว่า จะไปหรือไม่ไป...

เพื่อนรุ่นน้องชื่อ “เคน” บอกผมว่า เมื่อสองอาทิตย์ที่ผ่านมานี้เอง เขาเพิ่งไปเที่ยวเซาว์น่าเป็นครั้งแรกในชีวิต ผมไม่รีรอที่จะจับเขามาเป็นกล้องขยายให้ผมในทันทีเพื่อจะเล่าเรื่องนี้ผ่านมุมมองของใครคนหนึ่ง...หนุ่มอายุยี่สิบต้นๆ กับประสบการณ์ครั้งแรกของเขาในสถานที่ประเภทนั้น...

ทำไมถึงอยากไปล่ะ? คำถามแรก

“ก็ได้ยินพวกพี่ๆ ที่รู้จักกันพูดถึงบ่อยๆ ว่า ไปเดินห้องโน้น ไปเดินห้องนี้มา ไป ‘เก็บไม้’ (มีเพศสัมพันธ์กัน) มาได้สองสามไม้ ผมก็เลยรู้สึกอยากรู้ว่า มันเป็นยังไง”

แล้วบังเอิญในช่วงเวลานั้น เพื่อนรุ่นพี่คนหนึ่งที่นับถือกันก็โทรฯ มาหาเคนพอดี และประกาศว่ากำลังจะไปเซาว์น่า เห็นน้องเคนเคยบ่นอยากจะไปนี่...พี่คนนั้นบอก

เพื่อนรุ่นพี่คนนี้ไปเที่ยวเซาว์น่าเป็นประจำ เคนเลยน่าจะมีเพื่อนร่วมทางฝีมือดี เขาคงได้เรียนรู้อะไรหลายอย่าง เช่นเซาว์น่าบางแห่งให้นุ่งผ้าขนหนูผืนใหญ่ บางแห่งให้นุ่งผืนบางๆ บางแห่งจัดคืนวันพิเศษ นุ่งผ้าเตี่ยว บางแห่งให้นุ่งกางเกงชั้นในรูปแบบไหนก็ได้ แต่บางแห่งก็ห้ามนุ่งกางเกงชั้นในที่เป็นบ๊อกเซอร์-นัยว่า มันดูไม่สวย

ที่สุดของที่สุดบางแห่ง ไม่ให้นุ่งอะไรเลยในค่ำคืนเฉพาะที่เขาจัดขึ้น นั่นหมายความว่า แขกที่ไป ต้องเป็นชีเปลือยตั้งแต่ห้องล็อกเกอร์เป็นต้นไป ตลอดคืน! เขาเล่า

ความจริง หากจะบอกว่า ‘ผมเล่า’ ส่วนข้างบนนี้ก็ได้ แต่ให้เคนเขาเป็นคนเล่าจะดีกว่า เดี๋ยวท่านผู้อ่านจะคิดไปว่า ผมเป็นกูรูเรื่องเซาว์น่า ซึ่งไม่ได้เป็นความจริงแต่ประการใด

ในค่ำคืนที่เขาไปนั้น พี่ชายคนนั้นพา “ละอ่อนน้อย” ไปเซาว์น่าที่ระบุให้แขกใส่กางเกงในเดินไปเดินมา ผ้าขนหนูผืนเล็กๆ ก็มีให้เหมือนกัน แต่จะอยู่ตรงหน้าห้องอาบน้ำ เคนพบว่า บางคนก็นุ่งบ๊อกเซอร์ เขารู้สึกว่า คนใส่บ๊อกเซอร์กำลังบอกอะไรบางอย่าง อย่างเช่น ‘ผมยังอายๆ อยู่น่ะครับ’

“แล้วเราไม่อายเหรอ ใส่กุงเกงลิงตัวเดียว เดินไปเดินมาอยู่ในนั้น” ผมซัก

เขาบอกว่า “ก็ใครๆ เขาก็ใส่กัน ผมจะไปอายทำไม”

เขาเล่าต่อว่า สิ่งแรกที่เขารู้สึกได้ไม่ใช่เรื่องกางเกงในตัวเดียว แต่เป็นเรื่องการตกแต่งสถานที่ และบรรยากาศรวมๆ “ไม่คิดว่า เซาว์น่าจะเป็นอย่างนี้ ได้ยินเขาบอกว่า เป็นห้องมืดๆ แต่ไม่คิดว่าจะมีห้องอื่นๆ มีที่นั่งเล่น ที่กินข้าวอะไรอย่างนี้”

เขาบอกว่า ตอนที่เขาไปถึงก็เป็นเวลาสักสามทุ่ม เท่าที่สังเกต คนยังไม่มากมายนัก ส่วนใหญ่จะอายุราวยี่สิบต้นๆ หรือไม่ก็ยี่สิบปลายๆ มีบ้างที่อายุสามสิบกว่าๆ และมีทั้งคนหน้าตาธรรมดา หน้าตาไม่หล่อเลย และหน้าตาอย่างหล่อลาก “มันหลากหลายมากเลยพี่ มีสเปคผมด้วยล่ะ”

ผมไม่ได้ถามเขาหรอกว่า สเปคเขาเป็นยังไง กลัวเขาสาธยายยาว

“แล้วเราคิดว่า ไปเซาว์น่า จะต้องไปมีอะไรกับใครหรือเปล่า” ผมถาม เขาบอกว่า “แรกๆ เลยก็รู้สึกว่า อยากไปสังเกตดู ผมชอบไปดูพฤติกรรมคนน่ะ ดูเขาไปจับคู่ หรือจูงมือเข้าห้องกันยังไง ไปพูดจากันยังไง ก็อยากจะรู้ ก็ต้องไปดู”

ครั้งแรกของเคนในค่ำคืนแสงสลัวนั้น เขาพบว่า พื้นที่ของชั้นๆ หนึ่ง ถูกแบ่งซอยออกเป็นห้องส่วนตัวเล็กบ้าง ใหญ่บ้างหลายห้อง เขาพบผู้คนเดินกันไปมาในที่แคบๆ นั้น หน้าห้อง ทุกๆ คนเหมือนมองหาอะไรกันอยู่ บางคนก็ยืนนิ่งอยู่กับที่ หลังพิงกำแพง แต่สายตาคอยสอดส่องเมียงมองไม่วางตา

“ผมไม่ชอบยืนอยู่เฉยๆ หรอกครับ ผมรู้สึกอยากจะเคลื่อนย้ายไปเรื่อยๆ มีคนเข้ามาหาเหมือนกัน เขาจะมองหน้าก่อน บางคนก็ไม่เห็นว่ามองหน้าผม แต่ก็คว้ามือผมไว้เลย จับข้อมือผมเบาๆ ผมก็จะมองหน้าเขา ก็ด้วยไฟสลัวๆ นั่นแหละ ถ้าถูกใจ ผมคงยอมไปกับเขา” เคนเล่า

เขาบอกอีกว่า หลังจากเดินอยู่พักหนึ่งก็เริ่มเรียนรู้ด้วยตัวเองว่า พฤติกรรมคนในบริเวณนั้น เขาสื่อสารกันอย่างไร และเมื่อทำอะไรแบบไหนแล้ว จะเป็นที่ “เข้าใจกัน”

เคนคิดว่า คนที่ยืนหลังพิงกำแพงอยู่ กำลังบอกใครๆ ว่า “ผมเป็นฝ่ายรับ” หรือเปล่า? ผมลองถามเขา

เคนบอกว่า เรื่องนี้บอกไม่ได้ แต่สำหรับเขาแล้ว เขาไม่ชอบจะไปเข้าหาใครก่อนเพราะ “ผมกลัวโดนคนปฏิเสธ ซึ่งจะทำให้ผมรู้สึกไม่ดี แต่ถ้าเกิดถูกใจจริงๆ ผมอาจจะเป็นฝ่ายเข้าไปหาก่อนก็ได้”

คงเป็นเช่นนั้น เพราะเมื่อเกิดถูกใจ ก็จะมีการเดินตามหลังคนนั้นเพื่อจะไปหาทางทำความรู้จักให้ได้ ไม่มีกฎเกณฑ์ใดๆ ในนั้น นอกจากความพอใจซึ่งกันและกัน

แล้วถ้ามีคนมาเข้าหา แล้วเราไม่สนใจล่ะ? เคนบอกว่า หลังจากเดินอยู่หลายชั่วโมง จนเขาสังเกตจากคนอื่น และเรียนรู้ที่จะสื่อสัญญาณกับคนอื่นๆ ที่เข้ามาหา แต่ถ้าเขาไม่ชอบ เขาก็จับมือของคนๆ นั้นให้พ้นออกไปจากตัวเขา หรือถ้ายังมองหน้าอยู่ ก็ส่ายหน้าเบาๆ พอให้รู้กันว่า ไม่ปิ๊งนะ “แล้วผมก็เดินต่อไป ไม่แสดงความรู้สึกไม่ดีอะไรออกมา”

ด้วยหน้าตา และรูปร่างของหนุ่มน้อยคนนี้ ผมเดาเอาว่า เขาคงฮ็อตไม่น้อย แต่เคนก็บอกว่า เขาก็ต้องรู้จักเลือกเหมือนกัน

“ก็มีนะพี่ บางคนที่ผมกับเขาจูงมือกันไปห้องส่วนตัว พอดูที่สว่างๆ แล้ว มันไม่ใช่อ้ะ ผมก็ต้องขอตัวล่ะ”

นายเคนคงสายตาไม่ค่อยดี ถึงไม่ได้ดูให้ถ้วนถี่ หรือไฟตรงนั้นมันสลัวมัวมืดเกินไป หรือเป็นเพราะว่า ใจของเขาเองที่สลัวเกินไป บางครั้งก็มัว อาจคิดอะไรไม่ทันเพราะหน้ามืด?

แต่เอาเถอะ... เขาเฉลยว่า บางที่ บางมุม ให้เบิ่งตายังไงก็มองอะไรไม่เห็น บางทีก็เห็นใบหน้าเพียงมุมเดียว ไม่ได้เห็นชัดๆ ยิ่งห้องมืดตื้อของชั้นๆ หนึ่ง ในนั้นที่เขาแวะไปดู เขาบอกว่า มองอะไรไม่เห็นเลยนอกจากได้ยินเสียงลมหายใจอย่างสุขสม “แต่เขาไม่ได้ส่งเสียงดังครืดคราดกันน่ะครับ เพราะตรงนั้นก็คงมีคนอื่นๆ ด้วยหลายๆ คน”

แล้วถุงยางล่ะ วันนั้นเรามีไว้หรือเปล่า? ผมลองถามดู ซึ่งตามปกติ ในเซาว์น่าจะมีถุงยางไว้คอยแจกให้อยู่แล้ว (เจลหล่อลื่นมีให้เป็นขวด ในห้องส่วนตัว) ก่อนหน้านี้ ในเมืองไทย เคยมีถุงยางแจกไว้ในล็อกเกอร์ แต่ตำรวจท่านไม่ปลื้ม เพราะถือว่า มีการส่งเสริมการค้าประเวณี เพิ่งจะประมาณเดือนตุลาคมปี 2006 นี้เอง ที่อนุญาตให้สถานบริการ และสถานที่สาธารณะบางแห่ง มีตู้ขายถุงยางได้

ในช่วงที่มีข่าวจัดระเบียบสังคม และมีข่าวตำรวจบุกเซาว์น่าบ่อยๆ พร้อมเนื้อหาที่นำเสนออกมาว่า มีถุงยางอนามัยเกลื่อนกลาด ผมกลับคิดว่า ดีเสียอีก ที่ไปมีอะไรกับใครแล้วรู้จักป้องกัน ในบางครั้ง เซาว์น่าก็ถูกมองว่า จะช่วยให้การจัดการปัญหาเรื่องเอชไอวี ได้ง่าย เพราะรู้ว่า พวกเขาไปทำอะไรกันที่ไหน ดีกว่าต้องไปตามหากันในสวนหรือที่อื่นใดที่สร้างความยากลำบากกว่า ขณะเดียวกัน เราก็คงปฏิเสธไม่ได้ว่า เซาว์น่าทำให้คนมาพบกันได้ และมีเซ็กซ์กันได้

โดยส่วนตัว ผมคิดว่า ถ้าไม่มีเซาว์น่า คนเราก็ยังมีเซ็กซ์กันอยู่ดี มันน่าจะขึ้นอยู่กับความเสี่ยงมากกว่าว่า เราจะเสี่ยงหรือไม่ เรารู้หรือไม่ว่า พฤติกรรมทางเพศแบบไหนนำไปสู่ความเสี่ยง?

คุณผู้อ่านอาจคิดเห็นต่างกัน อีเมลมาได้นะครับ (ผมเดาว่า ไม่ช้าไม่นานนี้ ผมคงได้อีเมล มาถามว่า ไปที่ไหนดีพี่-แหงๆ)

สำหรับเรื่องถุงยาง เคนบอกว่า เขาแปลกใจอยู่เหมือนกันที่เขาได้รับแจกถุงยางขนาด 52 มม. ซึ่งค่อนข้างจะใหญ่ ที่เขารู้มา คนไทยส่วนใหญ่จะใช้ขนาด 49 มม.

ผมถามต่อในเรื่องอื่นๆ ว่า จากครั้งแรกที่ไป เขารู้สึกอยากจะไปอีกไหม? “ก็อยากไปนะครับ ผมก็ไปอีกสองสามครั้ง แต่ผมคงไม่ได้เป็นขาประจำเซาว์น่า เวลาผมไม่มีอะไรทำ ผมไม่ได้คิดถึงเซาว์น่า และอยากจะไป มันไม่ใช่ประเด็นของผม ผมว่า ผมจะไป ถ้าผมเหงาๆ และก็มีความอยาก”

ก่อนจะจบการสนทนาในวันนั้น ผมอดอยากรู้อยากเห็นอะไรบางอย่างไม่ได้

“ตกลงวันแรกที่ไปวันนั้น เราได้กี่ ‘ไม้ล่ะ’?”

เคนนิ่งไปพักหนึ่ง เหมือนไม่อยากจะพูดถึง “ก็สองครับ แต่ผมไม่ยอมมีอะไรกับใคร ‘ภายใน’ นะ ผมไม่ค่อยไว้ใจ ทำแค่ภายนอกได้ ผมโอเค แต่ พี่ห้ามถามรายละเอียดต่อนะครับว่า ผมทำอะไรบ้าง...”

บอกต่อกันไป : อัลบั้มรวมดาวแดนซ์โดยนักร้องสาวสวยประเภทสอง Venus Flytrap ออกวางแผงแล้ว จากค่าย Sony BMG

-end-

All rights reserved.

5 comments:

คิวว์ said...

เล่าแบบให้อยากรู้มากขึ้นแบบนี้ ต้องมีต่อนะพี่

Anonymous said...

หวัดดีค่ะ พี่วิทย์ ขอบคุณสำหรับความรู้ที่เอามาฝาก ก็เราเป้นผู้หญิง เข้าได้ที่ไหนเล่า พี่ค่ะ ส่งเมล์ไปหาค่ะ ตอบด้วยนะคะ

Anonymous said...

สวัสดีครับพี่วิทยา
ฟังแล้วก็อยากลองไปสังเกตการณ์มั่ง

Anonymous said...

ระมัดระวังตัว ก็เป็นดีที่สุดครับ

Anonymous said...

หวาดดีคร้าบบบบบบบ

เล่าได้เห็นภาพมากๆเลยพี่ ผมเคยไปสังเกตการณ์มาสองครั้ง เหมือนนักเรียนไปทัศนศึกษายังไงยังงั้น ผมว่าซาวน่าบางคนก็ชอบ บางคนก็ไม่ชอบ ก็แล้วแต่คนไม่ว่ากัน

สำหรับผมถ้าให้ไปคนเดียว บอกตรงๆว่าไม่กล้าไปครับ (ถึงมีพี่ๆเพื่อนๆไป สุดท้ายก็ต้องอยู่คนเดียวอยู่ดี เพราะหายหัวกันไปสู่ที่ชอบๆกันหมด 555+)แต่บางครั้งคึก นึกสนุกก็อยากไปสังเกตการณ์อีก เสียอย่างเดียวไม่มีใครไปเป็นเพื่อน ฮา!!!!

สวัสดีปีใหม่ล่วงหน้าคร้าบบบบบบบ

ใครไปฉลองปีใหม่ที่ไหน ชวนผมไปบ้างดิคร้าบบบบบ