Sunday, January 28, 2007

สิ่งดีๆ...ที่เราจะมีให้กันตลอดไป

เลิกแอบเสียที / วิทยา แสงอรุณ Metro Life นสพ. ผู้จัดการวันเสาร์ vitadam2002@yahoo.com
27-28 Jan 2007

ที่จริง...เรื่องนี้น่าจะไปลงฉบับวันวาเลนไทน์...แต่เอาเถอะครับท่านผู้อ่านที่รัก ถ้าเกิดทำให้ผู้แสวงหาความรักทั้งหลายได้อิ่มเอมใจ ผมก็ขอยกประโยชน์ทั้งหมดนี้ให้กับเจ้าของเรื่องซึ่งเป็นผู้แสวงหารักอีกคนหนึ่ง

และหวังใจว่า เขาคงจะสุขใจยิ่งขึ้น หากได้รับรู้ว่า มีผู้คนมากมายที่กำลังส่งยิ้มและเป็นกำลังใจให้กับเขา

เจ็ดปีที่แล้ว...อินเทอร์เน็ตพาให้ “คุณบอย” กับ “น้องเอ” มาพบกันโดยบังเอิญ

มิตรภาพเล็กๆ ก่อตัวขึ้นอย่างช้าๆ คุณบอยทำธุรกิจอยู่เมืองไทย ส่วนน้องเอเรียนอยู่ต่างประเทศ ทั้งคู่อายุห่างกันราว 5-6 ปี ทางบ้านมีฐานะทั้งคู่

ระหว่างที่คุยกันทางเน็ตนั้น บอยยังไม่ได้รู้สึกว่า คนที่คุยด้วยน่าจะได้กลายมาเป็นแฟน อาจเป็นเพราะระยะทาง และข้อมูลต่างๆ ที่เขามักจะได้รับอยู่เสมอ

“บางที ก็ได้ข่าวว่า เขามีแฟน บางทีก็ได้ข่าวว่า เขาเลิกกับแฟน” บอยเล่า เขาบอกต่ออีกด้วยว่า สิ่งที่ทำให้เขายังคุยกับเอเรื่อยมาก็คือ

“ผมชอบที่เขาเป็นคนมีความคิดดี อย่างเวลาจะตัดสินใจอะไร เขาจะลำดับความคิดได้ดี หากตัดสินใจไม่ได้ ก็จะถามเรา”

น้องเอ กลับเมืองไทยปีละครั้งหรือสองครั้งเท่านั้น พอสองเดือนผ่านไปหลังจากได้คุยกันทางเน็ต ก็ถึงเวลาพอดีที่เขาจะกลับมาเยี่ยมบ้าน น้องเอยืนยันว่า คงถึงเวลาเช่นกันที่จะได้เจอหน้าคนที่คุยกันมาตั้งนานเสียที สำหรับบอย แม้ธุรกิจการงานจะยุ่งเหยิง เขาก็ไม่ปฏิเสธตัวเอง คงถึงเวลาแล้วนะ

ตอนที่ได้เจอหน้ากัน ทั้งสองก็ยังคงมีความรู้สึกดีๆ ให้กันอยู่ แต่คงเป็นเพราะหนทางชีวิตและเวลาน้อยนิดที่มี ในแต่ละครั้งที่เอกลับมาบ้าน บอยจะพบได้พบกับเอแค่หนึ่งหรือสองครั้ง จนเวลาผ่านไปสามปี มิตรภาพดีๆ ก็ยังเป็นไปด้วยดี และมีแนวโน้มว่าน่าจะดีขึ้นเรื่อยๆ

“เขาจะจำได้หมดเลยครับ รายละเอียดเกี่ยวกับตัวเรา อย่างเวลาไม่สบาย ปวดหัว เขาก็จะสังเกต จำได้ เขาจะบอกว่า เราเป็นอย่างนี้มา 5-6 ครั้งในปีนี้แล้วนะ เขาใส่ใจตลอด หรืออย่างเวลาที่ผมบอกเขาว่า จะไปเที่ยวต่างจังหวัด ด้วยความที่เขาชอบเที่ยวเมืองไทยอยู่แล้ว เขาจะจัดการโทรศัพท์จองโรงแรม จองที่พัก เป็นธุระให้หมด ทั้งๆ ที่เขาอยู่ต่างประเทศ พอตอนเราไม่สบาย เขาก็จะซื้อวิตามินส่งมาให้ ทั้งๆ ที่ในประเทศ เราก็หาซื้อได้ เพื่อนๆ เลยบอกว่า
‘ดีขนาดนี้ ทำไมไม่เป็นแฟนกันนะ’”

อีกเหตุการณ์หนึ่งที่ทำให้บอยรู้สึกประทับใจไม่ลืมก็ตอนช่วงวันเกิดของเขานั่นเอง

ปกติเอจะส่งของขวัญให้เขาอยู่แล้ว ในปีนั้น บอยก็เกิดมีความคิดว่า น่าจะซื้ออะไรบางอย่างให้น้องเอด้วยเหมือนกัน

เขาจัดการควานหาสิ่งของนั้น ขนาดสั่งมาจากต่างประเทศ เอามาห่อที่เมืองไทย แล้วส่งทางไปรษณีย์ไปให้เอ แต่ในช่วงนั้นเอง พี่สาวของเอ ได้ไปเยี่ยมน้องชาย เลยนำของขวัญวันเกิดที่เอจัดการเตรียมไว้ก่อนหน้า ติดมือกลับเมืองไทย ฝากให้บอยด้วย

บอยไม่คิดเลยว่า จะเป็นไปได้ ทั้งๆ ที่สองคนก็ไม่คุยกันเรื่องของที่อยากได้มาก่อน

“ตอนเปิดออกมาแล้วเห็น เท่านั้นแหละ เราก็หัวเราะ ขำดีครับ”

มันเป็นของชิ้นเดียวกัน

บอยเล่าต่ออีกว่า เขาได้รับของขวัญที่เอฝากมาทางพี่สาวก่อนหน้าที่ของขวัญของเขาที่ฝากทางไปรษณีย์จะไปถึงมือเอ

ทางฝ่ายเอ...พอเปิดกล่องของขวัญ เอตกใจแล้วโทรมาถามบอยทันทีว่า

“ไม่ชอบของขวัญที่ส่งให้เหรอ ถึงส่งกลับมา”

คุณผู้อ่านว่า เขาสองคนน่าจะได้เป็นแฟนกันมั๊ย?

ต่อมา บอยตัดสินใจที่จะค้นหาความรู้สึกที่แท้จริง ตัวเขาเองเริ่มพบแล้วว่า มีความรู้สึกดีๆ ให้กับเอมากขึ้นเรื่อยๆ และคิดว่า ตัวเขาทั้งคู่มีอะไรเหมือนๆ กันหลายๆ อย่าง คราวนี้แหละ ที่เขาจะต้องรู้ให้ได้ว่า เขาเป็นแค่พี่ชายหรือสามารถเป็นได้มากกว่านั้น

เขาเลยบอกความรู้สึกล้ำลึกนั้นออกไป เมื่อสามปีที่แล้ว

คำตอบที่เขาได้รับก็คือ “น้องบอกว่า เขาไม่ได้คิดว่า เราจะเป็นแฟนกัน ผมเลยบอกขอโทษเขาไปที่ทำให้เขาลำบากใจ และผมจะไม่ทำให้เขาลำบากใจอีก”

บอยยืนยันเช่นนั้น เพราะเขาคิดว่า หากคนที่เขารักต้องการเช่นนั้น เขาก็อยากจะให้เขามีความสุขเช่นนั้น หากแม้เขาคนนั้นจะอยู่กับคนอื่นก็ตาม

“เราก็พร้อมจะยินดีด้วย” เขายืนยัน

ในตอนสัมภาษณ์บอย ผมถามเขาอีกครั้งว่า สิ่งที่เขาพูดนั้น เขารู้สึกและทำอย่างนั้นได้จริงๆ หรือ? เพราะบางคนก็เพียงแต่พูดบอกออกไปเหมือนปลอบใจตัวเองมากกว่า แต่ในใจลึกๆ ก็ยังคงรู้สึกเศร้า และเสียดายอะไรบางอย่างอยู่

บอยตอบ เขารู้สึกอย่างนั้นอย่างแท้จริง รู้สึกยินดี ถ้าคนที่เขารักมีความสุข แม้เขาจะไม่ได้เป็นคนข้างๆ เขาคนนั้นก็ตาม

เวลาผ่านไปสักพัก ช่วงหนึ่ง ทั้งสองแทบไม่ได้ติดต่อกันเลย จนกระทั่งมีบางสิ่งที่ทำให้ชีวิตทั้งสองต้องมาพบกัน...อีกครั้ง

“ตอนนั้น มีเหตุ หลวงพ่อที่ผมเคารพมาพอดี ผมจำได้ว่า เขาเคยอยากกราบหลวงพ่อเหมือนกัน พอดีน้องเขาอยู่เมืองไทย ผมก็คิดว่า จะไม่บอกเขา ก็คิดอยู่นาน แต่แล้วก็โทรไปบอกว่า ถ้าว่างๆ ก็ไปกราบท่านนะ

ผมไม่ได้คิดจะชวนเขาไปด้วยกันนะครับ แต่เขาก็บอกว่า ขอไปด้วยคน ผมก็เลยไปกับเขา ปรากฏว่า หลวงพ่อบอกให้เราสองคนสร้างพระด้วยกันสององค์ เลยทำให้ผมกับเขาต้องเจอกันบ่อยๆ เพราะมีธุระต้องทำด้วยกัน”

ยิ่งไปกว่านั้น สำหรับครอบครัวเอแล้ว บอยเสมือนคนๆ หนึ่งที่ทั้งพ่อและแม่ของเอไว้วางใจอย่างที่สุด และดูเหมือนจะคอยเชียร์อยู่ห่างๆ

คุณผู้อ่านอ่านถึงตรงนี้แล้ว คงถามว่า ครอบครัวเอ รู้หรือเปล่าว่า ลูกชายเป็นชายรักชาย ตรงนี้บอยยืนยันครับว่า รับรู้และคุณแม่ยังเคยบอกว่า รู้สึกดีที่ลูกชายพบคนดีๆ และข้อมูลน่าสนใจอีกอย่างก็คือ ที่บ้านนี้ นอกจากลูกสาวแล้ว เอ...เป็นลูกชายคนเดียว

ปลายปีที่แล้ว บอยเริ่มรู้สึกอะไรบางอย่างที่พิเศษ คงเป็นความรู้สึกประทับใจไม่รู้ลืมสำหรับเขา หลังจากได้ใช้เวลาไปๆ มาๆ กับน้องเอและครอบครัวในการเดินทางไปเที่ยวทริปต่างประเทศที่ผ่านมา พอใกล้ปีใหม่ เขาไปเยี่ยมคุณพ่อคุณแม่น้องเอที่บ้าน พ่อแม่เขาก็ชวนไปทำบุญด้วยกัน แถมเขายังมีโอกาสได้เล่นเปียโนให้ที่บ้านฟังอีก

“พ่อของเขาก็มาร้องเพลงด้วย ผมมารู้ทีหลังจากที่บ้านเขาว่า พ่อแม่เขาไม่เคยมีความสุขแบบนี้มานานแล้ว ที่บ้านเขา ผมก็เพิ่งสังเกตว่า นอกจากรูปครอบครัวเขาแล้ว ตรงที่วางรูป ก็มีรูปของผมอยู่ในนั้น”

สิ่งที่เกิดขึ้นรอบตัวคงทำให้เขามั่นใจอะไรบางอย่าง เขาอยากจะลองอีกสักครั้ง เพื่อให้รู้แน่ๆ ไปเลยว่า เราสองคนจะเป็นยังไงกันต่อไป

คงถึงเวลานั้นแล้วมั้ง...เขาคิด

ในเวลาสองวัน เขาใช้เวลาวันละเกือบสี่ชั่วโมงในแต่ละวัน ก่อนจะตัดสินใจซื้อแหวนวงหนึ่ง (ราคาล้านเศษ) เพื่อจะมอบให้เอ สำหรับบอยแล้ว แหวนคือสิ่งพิเศษที่มีความหาย มันคือคำตอบ มันคือความรู้สึกดีๆ ที่เขากำลังจะบอก และถ้าน้องรับแหวนวงนี้ เขาคงได้รับคำตอบเสียที

บอยเล่าว่า วันนั้น น้องเอชวนเขาไปดูละคร ในช่วงปีใหม่

“เราก็เตรียมของของเราไป ไปถึง ก็เจอ...เขาพาเพื่อนมาด้วย เขาไม่เคยบอกมาก่อนว่า เขาคบกับใครอยู่ แต่ปรากฏว่า ตัวผมเองก็ดูละครไปด้วยความสนุกและสบายใจ เพราะผมก็รู้แล้วว่า เราน่าจะยืนอยู่ตรงไหน”

หลังดูละคอนจบ ทั้งสามคนก็นั่งทานข้าวด้วยกัน บอยเล่าว่า เขารู้สึกคุยถูกคอกับเพื่อนชายของน้องเอมาก และในเวลานั้น กลับเป็นหนุ่มคนนั้นเองที่เอ่ยถามเอขึ้นมาว่า ทำไมวันนี้ ถึงดูเงียบจังล่ะ? ทั้งที่ปกติเป็นคนชอบพูดคุย

สำหรับบอยแล้ว เขายืนยันอีกครั้งว่า เขารู้สึกดีที่ได้รับรู้ความจริงที่อยู่เบื้องหน้า แล้วแหวนวงนั้นล่ะ?

“ผมก็เก็บแหวนวงนั้นไว้ล่ะครับ ผมก็ไม่เคยได้บอกให้เขารู้อีกเลย (อีกอย่าง)ไม่มีประโยชน์ที่ผมจะเปรียบเทียบตัวผมกับแฟนของเขา สำหรับผมแล้ว ถ้าเรามีความสุขกับตัวเอง เราก็จะสะสมความสุขนั้นไว้ แล้วสักวันผมก็จะมอบความสุขนั้นให้กับคนอื่นๆ ที่เราจะรู้สึกดีๆ ต่อไป”

หมายเหตุ สัมภาษณ์จากรายการวิทยุ ฮอตไลน์สายสีรุ้ง บันทึกเทปเมื่อวันที่ 18 ม.ค. คุณบอยไม่ได้ต้องการเล่าเรื่องนี้เอง แต่ได้รับการขอร้องจากเพื่อนคนหนึ่งให้เล่าเรื่องนี้ให้เราฟังกัน

-end-

All rights reserved.

18 comments:

Anonymous said...

อ่านแล้ว เหมือนได้ดูหนังรักที่จบแบบไม่ Happy Ending นะ ซึ่งมันก็คงเกิดกับใครได้หลายคน
ผมก็เคยได้ผ่านเหตุการณ์ที่ไม่ได้คิดมาก่อนจากการที่ได้ติดต่อกับใครบางคนในที่นี้ และมันก็ทำให้เรารู้สึกดีมากแต่แล้วมันก็จบลงเร็วเกินกว่าที่จะคิด
จนถึงทุกวันนี้ก็ยังไม่ลืมความรู้สึกดีๆนั้นเลย..

Anonymous said...

ดีใจ .. แต่ซึมเล็กๆ คับ..

ถึงไม่เหมือน แต่ก็มีส่วนคล้ายในบางเหตุการณ์..

Anonymous said...

ดีใจจังเลยที่ได้อ่านเรื่องแบบนี้
ผู้ชายดีๆ แบบนี้ยังมีในโลกอีกด้วยเหรอ "คุณบอย"
น่าจะได้เจอกันบ้างนะ
เผื่อว่าอะไรดีๆ ในชีวิตจะได้เกิดขึ้นด้วยกันเสียที

น้ำตาซึมเล็กๆ เหมือนกันที่ได้อ่านเรื่องแบบนี้

เอาไป 5 ดาวเลยละกัน

"คนของความสะใจ"

Anonymous said...

อ่านแล้วซึมไปเลยครับ
คุณวิทยาเขียนได้ดีจริงๆ ตอนแรกนึกว่าจะ Happy Ending ซะแล้ว

แต่... ความจริง มันก็เป็นความจริงอยู่วันยังคํ่าละครับ

เจ็บปวดนะครับ
เวลาที่อะไรต่อมิอะไรไม่เป็นไปอย่างที่เราคิด / คาดหวัง
ไม่ว่าจะเป็น รู้สึกช้า - มาทีหลัง - ปาฏิหาริย์ไม่มีจริง :(

การทำใจให้"นิ่ง"ได้อย่างคุณบอยนี่มันโคตรยากเลยนะครับ
แต่ถ้าเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นกับใคร เชื่อว่าทุกท่าน ก็คงต้อง"ผ่าน"มันไปให้ได้แบบคุณบอย .. ด้วยวิธีของตัวเอง

วันแรก - คืนแรกๆ - อาทิตย์แรก - เดือนแรก
แล้วก็เดือนต่อๆไป
เวลาคงช่วยให้รู้สึกดีขึ้นได้บ้าง

ใครจะไปคิด - ดีไม่ดี อยู่มาวันหนึ่ง อากาศสดใส ท้องฟ้าโปร่ง
วันนั้นอาจจะเป็นวันของคุณบอย และเพื่อนๆทุกท่าน (รวมทั้งข้าพเจ้าเอง)

โชคดีครับ
เอาใจช่วย
big

Anonymous said...

น้อยคนที่จะทำได้แบบนี้นะพี่
ขนาดผมเองที่ว่าเข้มแข็ง
ก็เสียศูนย์ไปเกือบปีกับรักที่หลุดลอย
นี่ก็ยังเป้นอยู่บ้างเ็ป็นระยะๆ
ดีที่มี Blog นะเนี่ยครับ ไม่งั้นเจ๊ง

คิวว์ said...

ถึงแม้จะจบแบบชีวิตจริง แต่อ่านแล้วให้ความรู้สึกว่าน่ารักมาก

love is all around.

ขอบคุณพี่ยอดที่ถ่ายทอดเรื่องนี้ให้ได้อ่าน :)

Anonymous said...

หวัดดีคร้าบบบบบ

พี่ยอดเขียนได้กระชากอารมณ์มากๆ ตอนแรกอ่านไปยิ้มไปแทบแก้มปริ แต่อ่านไปๆ ชักแปลกๆแล้วซิ มันคงไม่หักมุมมั้ง (คิดเข้าข้างตัวเอง)

สุดท้ายอึ้งเลยครับ ตามันชื้นๆเย็นๆ น้ำตามันคลอๆ จะไหลก็ไม่ไหล จะเสียใจก็ไม่ใช่ จะดีใจก็ไม่ถูก มันจุกๆในอก

จึก จึก จึก

"รักเป็นสิ่งสวยงาม ความรักไม่ได้ทำให้เราทุกข์ใจ แต่ความอยากที่ยึดรักนั้นไว้ต่างหากที่ทำให้เรารู้สึกทุกข์ใจ"

Vitaya S. said...

สวัสดีครับ...คุณบอยคงดีใจที่มีคนตั้งหลายคนมองเห็นชีวิตเขาและเข้าใจสิ่งที่เขาทำ...

Anonymous said...

ในวันที่ 14 กุมภา ที่กำลังจะมาถึง ผมก็กำลังจะทำในสิ่งที่คุณบอยทำครับ ยอมรับว่ากลัว แต่ก็จะทำครับ
ดีกว่าให้มันคาราคาซัง

เห็นใจคุณบอยนะครับ เห็นใจ เอ ด้วย
เรื่องแบบนี้ พูดลำบากครับ

แต่ไม่เข้าใจว่า แล้วในช่วงแรก ๆ มันดูแบบว่า แสดงออกชัดเจนนะครับ สำหรับ เอ

อ่านแล้วปวดใจแทน !!

Anonymous said...

สาวอิสานรอรัก

แอร๊ยยยยส์ (ขอกรีดกราด ดังๆ หน่อยค่ะ มันบาดหัวใจค่ะ)

ฝากไปบอกคุณบอยว่า "แหวนวงนั้น" เอามาหมั้นสาวอิสานรอรักก็ได้ค่ะ

หรือจะให้สาวอิสานรอรัก เอากระติบข้าวเหนียวกับ ที่นาที่ บรรพบุรุษของสาวอิสานรักมี ไปหมั้น คุณบอยก็ได้นะคะ

ชอบเรื่องนี้ค่ะ
ชีวิตจริงก็เหมือนนิยาย
นิยายก็เหมือนชีวิตจริง

ไม่รู้จะพูดว่าอะไร ค่ะ มันจุก ซึมลึก ค่ะ
งั้น สาวอิสานรอรัก ของแปลงร่างเป็นผู้กำกับและดีเจในคราวเดียวกัน
เปิดเพลงสร้างบรรยาการนะคะ
...
ฝ่ายแสง dim แสงด่วน เหลือเพียงประกายริบหรี่จากเปลวเทียนสีขาว
ฝ่ายเสียง ทำเสียง ทะเล
ฝ่ายลม ทำลมพัดเบา ให้ม่านสีขาว ไสวบางๆ
ฝายกิเลส สร้างอารมณ์ซึมลึก
ฝ่ายตัณหา สร้างความถวิลหา...
กล้องพร้อม นักร้องพร้อม
...Action ....

--ลิงค์เพลงอยู่นี่ค่ะ (แอบ หรอย เขามาอีกที รีบๆ ไปฟังกันนะคะ หวังว่าเขาคงไม่ว่านะคะ)
http://jetkaro.exteen.com/20061208/entry
--
ยอม

ฉันรู้ ฉันรู้
ตั้งแต่วันที่ฉันได้มีโอกาสใกล้เธอ
หัวใจฉันเองก็รู้ดี

เธอคือคนนั้น คนที่ฉันไม่คอยคิดฝันว่ามี
แล้วเธอ ๆ ก็ยืนอยู่ตรงนี้

แม้ว่าการตัดสินใจของฉันจะผิดพลาดมากสักเพียงไหน
ก็ไม่อาจเปลี่ยนหัวใจไปจากนี้

หยุดไม่ได้แล้วทุกอย่าง
ใจของฉันนั้นรักเธอ ตั้งแต่เราได้พบหน้า
สบสายตา กันและกัน

ห้ามไม่ได้แล้วหัวใจ
จะไม่ยอมปล่อยให้ไปจากฉัน
แม้ต้องเจ็บสักเท่าไหร่
แม้จะต้องแลกกับสิ่งไหน
แม้จะต้องเจ็บสักเท่าไหร่ ...ฉันยอม

(ยอม ให้เธอมีความสุข โดยที่ฉันเองก็พยายาม อยู่อย่างมีความสขุ สาวอิสานรอรัก แอบ bias ค่ะว่า ยังไง ซะ ก็ต้อง เจ็บลึกๆ แต่เป็นแบบ เจ็บที่อยากเจ็บค่ะ
เจ็บแบบ bitter sweet ค่ะ เพื่อไม่ให้เธอไปจากฉัน ฉันจึง "ยอม" "แอบแผง" อยู่ภายใต้ เปลือกที่เรียกว่า "เพื่อนคนสนิท"
ปล. ขอโทษด้วยนะตะ ที่คำพูดมันจะไปแทงใจดำใครเข้า)

Anonymous said...

สาวอิสานรอรักค่ะ

แวะกลับเข้ามาอีกรอบค่ะ
เพิ่งตั้งสติได้

"สาวอิสานรอรัก ขอประณามคุณ น้องเอ ค่ะ
คุณน้อง เอ คะ สำหรับสาวอิสานรอรักแล้ว
คุณเป็นคนไม่มีศักดิ์ศรี ค่ะ

คือเท่าๆ ที่อ่านมา สมองประมวลความได้ว่า
"คุณไม่คิดจะรัก แต่คุณมีใจค่ะ"
อย่างนี้จะให้ คุณบอย คิดเห็นเป็นอย่างอื่นไปได้อย่างไร

พวก ไม่คิดจะรัก แต่มีใจ คือ พวกไม่มีศักดิ์ศรีค่ะ

แอร๊ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยส์
กรีด ดังกว่าข้างบนนั่น

Anonymous said...

ยังไม่สาแก่ใจ สาวอิสานรอรักค่ะ
กลับเข้ามาอีก
วันนี้ อ่านนี้เรื่องนี้ ตอนแรก จุก
อ่านไป อ่านมา รู้สึกว่า แค้นแทนคุณเอ ค่ะ

สาวอิสานว่า เราควร ออก พรบ.ฆ่าล้างเผาพันธุ์ คนไม่มีศักดิ์ศรี " กันดีกว่า

เสนอเป็นกฎหมาย กันออกมา
คุณอย่างคุณบอย จะได้ไม่ต้อง มาพบเจอเรื่องพวกนี้

แอร๊ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยส์
(วันนี้เป็นเอามาก)

Anonymous said...

^
^
อ่านไป อ่านมา รู้สึกว่า แค้นแทนคุณเอ ค่ะ
แก้ไข เป็น "อ่านไป อ่านมา แค้นแทนคุณบอย ค่ะ"

สงสัย เมาตัวหนังสือค่ะ

Vitaya S. said...

สงสัยต้องรีบให้คุณบอย มาขอหมั้นสาวอิสานรอรัก
ซะแล้วล่ะคร้าบบ ทุ่มทุนและทุ่มเทให้ขนาดนี้...

Anonymous said...

เข้ามาขำครับ
จริงจัง จริงใจ มากๆเลย นะ(ความจริงก็ขำมาตั้งแต่วันแรกที่อ่านcomment คุณสาวอิสานรอรักแล้วละ 555)
วันนั้น ผมเรียกเธอว่า - สาวอิสานเลือดเดือด

วันนี้
เข้ามาดู ว่า สาวอิสาน"เลือดเย็น"ขึ้นบ้างรึยัง
อิอิอิ

big

Anonymous said...

เมื่อวานพอดีได้ยินเพลงนี้ เลยนึกถึงเรื่องของตัวเอง / คุณบอย และ อาจจะมี ..เพื่อนอีกหลายๆท่าน ด้วยเช่นกัน

เลยเก็บมาฝากครับ

บางคน - อิน บูโดกัน
ไม่ไดรักกันเรื่องนั้นก็เข้าใจ
ฉันไม่ใช่แค่ที่หมาย เป็นแค่เพียงที่พักพิง
จะไปรักใคร ก็ขอให้สุขจริง
คนนี้ที่ถูกทิ้ง ก็พร้อมจะทำใจ

สุดแต่หัวใจ ไม่รักไม่ว่ากัน
ถ้าชํ้าก็บอกฉัน สัญญานะคนดี
จะกลับมาหากัน ฉันขอเพียงแค่นี้
จะรักเธอให้ดี ให้คุ้มที่รอคอย

* แค่บางคน ฉันเป็นได้เพียงแค่นั้น
ก็แค่นั้น ฉันรู้ตัวฉันดี
แค่บางคน ฉันมาได้ไกลแค่นี้
ก็แค่นี้ แค่รักเธอ กว่าทุกคน

… แค่บางคนที่รักเธอ .. กว่าทุกคน

big

Vitaya S. said...

อ้ะ อ้ะ ร้องเข้าไป...ร้องเพลง...
เดว ถ้าสักพัก คงไปขอสัมภาษณ์
คุณบอยอีกที เอ...หรือจะนัดเจอตัว
แล้วถ่ายรูปมาให้ดูกันดีล่ะ? ช่วยคิดหน่อย

Anonymous said...

เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ผมชอบที่สุดตั้งแต่อ่าน blog นี้มาเลยครับ

ประทับใจในความรักของคุณบอย รวมถึงความสามารถด้านการเขียนสร้างอารมณ์ร่วมของคุณวิทยาด้วย เหมือนกำลังดูหนังเรื่องนึง ไม่สิเหมือนกำลังฝันหวานอยู่มากกว่า แต่ถูกกระชากกลับมาให้เห็นถึงโลกแห่งความเป็นจริงว่า ไม่มีอะไรสมบูรณ์แบบหรอก

แต่เรื่องนี้เป็นเพียงมุมมองของคุณบอยเท่านั้น ถ้าได้เข้าใจในมุมมองของคุณเอ หรือแฟนคุณเอ ผมเชื่อว่านี่ก็น่าจะเป็นทางออกที่เหมาะสมกับสถานการณ์ในตอนนั้นแล้ว

ก็เอาใจช่วยทั้งคุณบอยให้เจอคนที่เหมาะสมแล้วก็คุณเอให้รักกับแฟนมากๆ อย่าให้คุณบอยเป็นห่วงนะครับ

Just a passer-by

(ปล. คุณวิทยา ฝากไปสัมภาษณ์คุณเอให้หน่อยสิครับ อยากรู้เรื่องต่อน่ะ)