Sunday, August 13, 2006

กระต่ายน้อย ‘แกงแบง’

เลิกแอบเสียที /วิทยา แสงอรุณ Metro Life นสพ.ผู้จัดการวันเสาร์ vitadam2002@yahoo.com 12-13 Aug 2006

อาจฟังดูเหมือนชื่อข้าวแกงสูตรโบราณ หรืออาจเป็นของหวานตระกูลฟักแฟงแกงบวด? แต่ที่แน่ๆ ครับคุณผู้อ่าน เรื่องราวที่ผมจะเล่าต่อไปนี้ หากเปรียบเป็นสิ่งที่รับประทานได้ คงเป็นอาหารคาวๆ จานใหญ่ที่มีรสชาติ-จำจนวันตายสำหรับนายคนนี้

“ต่าย” มักจะเล่า “ประสบกาม” ของเขาให้ผมฟังบ่อยๆ มีอยู่เรื่องหนึ่ง ถึงพริกถึงขิงมากจนผมต้องขอให้หนุ่มจอมซ่าผู้นี้เขียนเล่ามาให้ครบทุกช็อต เขาส่งผลงานเรื่องยาวห้าหน้ากระดาษ อัดแน่นไปด้วยรายละเอียดและความรู้สึกล้ำลึก แต่คงต้องขออนุญาตตัดทอนนะครับ เดี๋ยวหน่วยงานทางวัฒนธรรมจะค้อนเอา

ด้วยวัยเพียง 19 นายต่ายคงมีแรงขับเยอะ เขาชอบลองอะไรแปลกใหม่เสมอ ใครจะสะสมอะไรก็ช่าง แต่เขาขอสะสมประสบการณ์ชีวิตให้เต็มพิกัด ปรัชญาของหนุ่มคนนี้คือ อยากรู้ก็ต้องลองให้รู้ อยากดูต้องได้เห็น แม้บางครั้ง ต้องเสี่ยง

เขาเป็นคนหนึ่งที่บ้า “แชท” มาก ถึงขนาดเคยปลอมเป็นผู้หญิงเพื่อให้ผู้ชายมาจีบ และขอร้องให้เพื่อนผู้หญิงคนหนึ่งช่วยโทรศัพท์แล้วปลอมเป็นตัวเขา ต่ายบอกว่า เขาแค่อยากฟังเสียงของคนๆ นั้น

ในห้องแชทชื่อดังแห่งหนึ่ง จินตนาการของต่ายเตลิดเปิดเปิงเข้าป่าเหมือนกับอีกหลายๆ คนใน
วังวนชนิดนี้ และคงปฏิเสธไม่ได้หรอกนะครับว่า ที่ไหนมีเน็ต ที่นั่นย่อมมีเซ็กซ์มาเกี่ยว ไม่ว่าเว็บไหนๆ ชาย-หญิงก็มีมากมาย สำหรับน้องกระต่ายน้อยของผม เวลาเจอห้องถูกใจ ก็กระโดดผลุ๋งเข้าไปร่วมวงศ์ไพบูลย์ทันที

“ผมเคยมีเซ็กซ์มาแล้ว แต่ที่ผมอยากลองมากเลยก็คือ มีเซ็กซ์กับคนแปลกหน้า” เขาเล่าอย่างภาคภูมิ

และแล้วเขาก็เจอข้อความประกาศที่โดนใจที่สุด “ใครอยากหมู่ เข้ามาเลย ตอนนี้มีแล้ว 2 รุกทั้งคู่ หารับหรือโบท มาหาไรทำหนุกๆ กัน แถวลาดพร้าว- PowerMan”

เขาเข้าไปขอแชทด้วยทันที เขาเล่า

“ตอนนั้นแบบว่าสติผมคงหล่นลงมาที่น้องชายผมแทนแล้วล่ะครับ ผมอยากรู้ อยากลองไปหมด รูปเริบอะไรก็ไม่ได้เห็น แต่ดูจากจากตัวเลข อย-นน-สส (อายุ น้ำหนัก ส่วนสูง) ที่เขาส่งมา ก็น่าจะใช้ได้อยู่นะ”

พอคู่สนทนาถามย้ำว่า ‘รับได้ป่าวล่ะ’ นายต่ายก็เริ่มลังเล เพราะเขาเคยลองเป็นหน่วยรับมาแล้วหนหนึ่ง ซึ่งเป็นครั้งแรกตอนอายุ 18 แม้จะเป็นแบบยัง “ไม่เข้าเต็มรูปแบบ” เขาก็บอกว่า มันเจ็บปวดทรมานแทบตาย แต่ตอนนี้หากต้องมาเจอกิจกรรม “แกงแบง” (gangbang) ในแบบสองรุมหนึ่งอย่างนี้ เขาสงสัยอยู่ว่าจะรอดหรือเปล่า...

ก่อนที่ทั้งสองจะนัดแนะสถานที่กัน นาย PowerMan คู่สนทนาของต่ายบนเว็บคนนั้นมีข้อมูลแจ้งเพิ่มเติมว่า มีอีกคนอยากร่วมวงศ์ด้วย เป็นรุกเหมือนกัน แล้วน้องต่ายจะ “ไหวป่าว?” คู่แชทของเขาถาม ไม่พอ ยังฟอร์เวิร์ดรูปหนุ่มคนที่สาม ส่งปรู๊ดมาทางเน็ต ต่ายเห็นป้าบก็ตอบตกลงเลยทัน ไม่มีห่วงหลังหรือพะวงหลังอะไรอีกต่อไปแล้ว

เขาเตรียมตัวออกจากบ้าน จัดการโทรเรียกแท็กซี่มารับเพราะฝนกระหน่ำลงมาอย่างหนัก พอรออยู่นาน เห็นไม่มีวี่แววจะโผล่ เขาก็เริ่มลังเลว่าควรจะนอนสบายบนเตียงซะดีกว่าหรือเปล่า แต่ด้วยความอยากรู้ เขาหยิบร่ม แล้วเดินฝ่าสายฝนไปหน้าปากซอย ก้าวย่ำไปบนความเฉอะแฉะ พาร่างทะยานออกจากหมู่บ้านไปในระยะทางเกือบสองกิโล เขารีบเดินไปจ้ำๆๆ ตอนนั้นนาฬิกาบอกเวลาตีสามกว่าๆ แล้ว รปภ. ประจำหมู่บ้านทำหน้าฉงน
“ตอนผมกำลังอยู่ในรถ รู้สึกเหมือนกำลังไปพบเสือสิงห์ที่กำลังหื่นกระหายอยากจะกินกระต่ายหลงทางเข้ามาในฝูงของมัน จิตใต้สำนึกของผมแบ่งออกเป็นสองฝ่าย ฝ่ายเทวดา และปิศาจ ต่างพยายามต่อสู้กันว่า ควรกลับบ้านหรือจะไปต่อดี และแล้วปิศาจก็ฆ่าเทวดาตาย” เขาเล่า

เมื่อใกล้ถึงที่หมาย เขาโทรศัพท์ไปหา PowerMan “สวัสดีครับ ผมมาแล้วนะครับพี่” ผู้เชื้อเชิญก็ ตอบกลับมาว่า “นึกว่าจะไม่มาแล้ว กำลังหาคนอื่นแทนแล้วนะ อยู่ไหนล่ะ”

กระต่ายน้อยหลงทางเขียนเล่าต่อมา “หลังจากวางสาย รู้ห้องหับ ผมก็เดินลุยฝน น้ำในซอยท่วม สูงครึ่งหน้าแข้ง กว่าจะไปถึงคอนโดของสามเสือหนุ่ม ผมก็อยู่ในสภาพเปียกปอนเต็มที่ ร่มไม่สามารถช่วยกันอะไรได้เลย....เสียงลิฟต์ ดังขึ้นมา พร้อมกับมีชายหนุ่มรูปร่างกำยำ ใส่เสื้อยืดสีสดพอดีตัวและสวมกางเกงขาสั้นสีกรมท่า ผมยังจำพี่คนนั้นได้ติดตาจนถึงวันนี้ครับ เขาหน้าตาดีมาก”

“ไม่นานผมก็มายืนอยู่ในห้อง ได้ยินเสียงเพลงเบาๆ ประกอบกับเสียงจากทีวีที่กำลังฉายหนังฝรั่ง บนจอ มีหนุ่มหล่อล่ำสองคนกำลังแลกจูบกันอย่างเมามัน มันทำให้อารมณ์ของผมพลุ่งพล่านไปหมด พี่ PowerMan จูงมือผมมาให้รู้จักกับพี่อีกสองคน ชื่อสองกับชื่อหนุ่ม ทั้งคู่อยู่ในชุดวันเกิด ผมไม่อยากจะบรรยายเลยว่า ไอ้หนูของผมมันตื่นแทบจะทันที”

“ ‘ถอดเสื้อออกสิครับ’ พี่ PowerMan หันมาบอกผม”

“ผมปฏิบัติตามเหมือนต้องมนต์สะกด แทบไม่คิดอะไรอีกแล้ว สักพัก พี่เขาก็จูงมือผมไปที่โซฟา ขณะที่พี่สองกับพี่หนุ่มกำลังทำเลียนแบบอย่างในทีวีอยู่บนเตียง ผมได้ยินเสียงครางเบาๆ จากทั้งคู่ ขณะเดียวกันกับที่พี่ PowerMan เริ่มซุกไซร้มาที่ซอกคอผม แล้วใช้ปลายลิ้นลากขึ้นมาที่ปลายหู ขบติ่งหูผมเบาๆ แล้วตวัดไปที่ใบหูด้านใน ไม่ต้องบอกครับว่า มันตื่นเต้นและซาบซ่านเพียงใด เขาใช้ลิ้นไล่เรื่อยมาที่ยอดหน้าอกของผม…”

“อ่า!!! มันเป็นอะไรที่วิเศษมาก และแล้วเขาก็บอกผมว่า ‘ทำให้พี่มีความสุขหน่อยสิ’ ณ เวลานั้น อารมณ์ผมกระเจิงไปหมดแล้ว ไม่นึกถึงเรื่องอะไรอีกแล้ว ผมจ้องมองไปยังเบื้องล่างของพี่ที่ตั้งตระหง่านอยู่ ‘ตกลงครับพี่’ จากนั้น ผมก็ขึ้นไปนั่งคร่อมบนตัวเขา เพื่อที่จะได้ลิ้มลองสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นอีกเป็นครั้งที่สองในรับบทบาทฝ่ายรับของผม มือของเขากำลังหยิบถุงยางใส่ให้น้องชายตัวเอง ขณะที่ผมใช้เจลหล่อลื่นทาที่จุดสำคัญของผม เพื่อให้ทุกอย่างเป็นไปด้วยความราบรื่น และแล้วสิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น พี่สองกับพี่หนุ่มก็ลุกจากเตียงเดินเข้ามาที่ผมสองคน พี่สองยืนอยู่ซ้ายมือของผม พร้อมกับจับหน้าผมขึ้นมาประทับจูบ ในขณะที่ข้างขวา พี่หนุ่มดึงมือขวาของผมไปเคล้าคลึงน้องชายของเขาไว้ ซอกคอของผมยังคงโดนซุกไซร้อย่างหนักหน่วงจากพี่ PowerMan มือข้างซ้ายของผมก็พยายามจัดที่ทางให้อาวุธของเขาไปสู่จุดหมาย ในจังหวะแรก เหมือนจะดีนะครับ แต่แล้วก็มีเสียงร้องดัง”

“โอ๊ย!!!...เป็นเสียงออกมาจากปากผมเอง ทุกคนหยุดกิจกรรมทั้งมวล มันเป็นความเจ็บปวดมากกับสิ่งที่กำลังถูกยัดเยียดให้ผมจากเบื้องล่าง พี่ PowerMan พูดเบาๆว่า ‘ทนอีกนิด เดี๋ยวก็ถึงสวรรค์’ ผมกัดฟันลองอีกที แล้วพี่อีกสองคนด้านข้างก็เปลี่ยนหน้าที่กัน ยืนคนละด้าน แต่ยังมะรุมมะตุ้มผมอยู่ พี่ PowerMan ก็ทำหน้าที่ของเขาต่อ กระทั่งโอ๊ย!!! ผมร้องอีกครั้ง มันไม่ไหวจริงๆ”

“ทุกอย่างเป็นไปอย่างรวดเร็วมาก จนผมไม่คาดคิดอะไรแล้ว พี่ PowerMan ยกตัวผมขึ้น ผลักผมให้ก้มหน้าไปทางโซฟา เขาพยายามดันน้องชายเข้าให้เข้ามาในตัวผมอีกครั้ง ผมก็พร้อมจะให้ลอง แต่สุดท้ายผมก็ทำไม่ได้เพราะตอนนี้ร่างกายทุกส่วนของผมเกร็งไปหมดแล้ว และแล้ว ผมก็ตัดสินใจอย่างรวดเร็ว”

“ผมหันหน้ามาหาพี่เขา ยกมือไหว้ แล้วพูดอย่างสุภาพที่สุด บอกว่า พี่ครับ ผมขอโทษ ผมคงทำให้ไม่ได้ครับ เขาตอบว่า งั้น ‘มาอมให้พี่หน่อยสิ’ ตอนนี้ผมคงหลุดจากมนต์สะกดใดๆ แล้วเพราะความเจ็บเรียกสติของผมคืนมา ผมเริ่มรู้สึกตัวมากขึ้น ‘ไม่ดีกว่าครับ ขอโทษครับ ผมกลับก่อนแล้วกัน ผมคงไม่เหมาะกับที่นี่ครับ ผมทำให้ไม่ได้ครับ’”

“แล้วผมก็เดินไปที่ห้องน้ำ ใส่เสื้อผ้าอย่างรวดเร็ว หยิบกระเป๋า เปิดประตู ก้าวออกมาจากสถานที่แห่งนั้น ทิ้งให้เสือหนุ่มกลัดมันทั้งสามแห้งเหี่ยวตายไป ผมสังเกตเห็นทั้งสามคนยังคงมีสีหน้างุนงงกับสิ่งที่ผมทำ กระนั้น ผมยังจำได้ พอให้หลัง ผมได้ยินเสียงครางของทั้งสามคนแว่วๆ ออกมาตอนผมกำลังออกไปตามทางเดิน ผมสงสัยว่า ใครบางคนในสามคนนั้นคงกำลังทำหน้าที่แทนผมอยู่หรือเปล่า”

ผมอ่านเรื่องเขาจนจบ พร้อมคำถามอีกมากมาย

คุณผู้อ่านครับ เรื่องข้างบนนี้อาจจะติดเรทไปนิด และยังไม่จบ เขาบอกต่อว่า วันนั้น วันที่เขาเดินจากมา และเจอสายฝนที่ยังคงตกกระหน่ำอย่างบ้าคลั่ง ขณะกำลังเดินไป น้ำตาของเขาก็ไหลออกมาพร้อมน้ำฝนที่เปียกหน้า อีกสองสามวันต่อมาเขาต้องนอนซมเพราะจับไข้ และยังคงเฝ้าถามตัวเองอยู่ว่า ทำตัวอย่างนั้นไปทำไม?

-end-

All rights served

6 comments:

Anonymous said...

no comment ยังอึ้งๆอยู่ ไม่อยากเชื่อว่าพี่วิทย์จะกล้าเอาลง ถึงแม้จะตัดไปบ้างแล้วก็เถอะ

Anonymous said...

อิอิ ทีแรกนึกว่าจะทำอะไรให้กินซะอีกแต่ก็ชอบเรื่องเสียว ๆ (ว่าจะถูก ban)แบบนี้น้ะครับ มันไม่ค่อยหนักหัว(แต่หนักอย่างอื่น)ดีกว่าเรื่องปัญหาชีวิตเกย์เยอะเลย ...
ว่าแต่... ทำไมคุณกระต่ายน้อยถึงเอาตัวรอดมาจากคมเขี้ยวเสือหิวทั้งสาม ได้อย่างมหัศจรรย์อย่างนั้นล่ะครับ สงสัยจะทำบุญมาดี เลยไม่โดนจับลงหม้อ ... อยากอ่านตอนต่อไปเร็ว ๆ จัง ^__^

Anonymous said...

บอกไม่ถูกเหมือนกัน ว่าจะให้ัความคิดเห็นอย่างไรดี เอาเป็นว่า แวะมาอ่านละกัน

Anonymous said...

รออ่านภาค 2 ต่อนะครับ แต่ผมว่านายกระต่ายน้อยนั้น กล้ามากเลยนะครับ โชคดีที่ยังรอดคมเขี้ยว 3 สิงห์มาได้ อิอิ

Anonymous said...

ทำตัวอย่างนั้นไปทำไม?

ใช่ค่ะ อ่านแล้วก็ยังสงสัยว่า ทำตัวอย่างนั้นไปทำไม
ความจริงสาวอิสานรอรักก็เคยแชทนะคะ
เอาไปเอามาก็ได้แต่แชทค่ะ ไม่มีอะไรเกิดขึ้น
เพราะกลัว ค่ะ กลัวว่าสิ่งร้ายๆ จะเกิดขึ้นในชีวิต
หลังจากนัน เอ็มเอสเอ็น ที่มีก็ถูกใช้ไปเพื่อการ
ติดสื่อสาร ทวงงาน ส่งงาน และคุยกับเพื่อน
ใช้งานมันไปอย่างสร้างสรรค์

สำหรับ คติที่ว่า อยากรู้ต้องได้รู้ อยากลองต้องได้ลองอยากเห็นต้องได้เห็น เนี่ย

ดูเหมือนว่าจะเป็นความคิดคะนองของวัยรุ่นนะคะ
ถ้าถามว่า อยากถูกมีดบาดเป็นอย่างไร จะลองเอามีดมาปาดตัวเองดูไหมค่ะ หรืออยากรู้ว่า ตกเหวเป็นอย่างไร น้องๆ จะลองกระโดดเหวดูไม่ค่ะ? สำหรับพี่สาวอิสานฯแค่คิดก็กลัวแล้วค่ะ

นี่ยิ่งเป็นเรื่องผิดศีลธรรม เสี่ยงต่อโรคภัย และเสี่ยงต่อการคุกคามชีวิตด้วย หากว่า สามคนนั้นเป็นโจรผู้ร้าย ฆ่าปล้น ข่มขื่นกระทำชำเรา ขึ้นมาจะว่าอย่างไร

นี่อาจจะเป็นเพราะผู้คนสมัยนี้ มี หิริโอตับปปะ (ความละอายและเกรงกลัวต่อบาป) กันน้อยลง

พูดให้เพราะขึ้นไปอีกตามสำนวนนักวิชาการก็คือ มีภูมิคุ้มกันชีวิตน้อยลง เพราะเด็กถูกเลี้ยงมาด้วยทีวีและเงิน
เสียเป็นส่วนใหญ่ในชีวิตวัยเด็ก หรือไม่ก็อ่านหนังสือพวกประสบการณ์เซ็กส์มากเกินไป จนแยกไม่ออกว่ามันเป็นเรื่องแต่ง หรือเรื่องจริง

พูดให้เจ็บแสบ แบบ คุณ ระ เบียบ ลัด ก็คงว่า ไร้ยางอาย ทำไปได้อย่างไร อันตรายขนาดนั้น

สำหรับสาวอิสานรอรักนะคะ มีความคิดว่า รัฐบาลไทยของเราดำเนินนโยบายผิดพลาดค่ะ กล่าวคือ มีการรณรงค์ให้มีการปลูกยางพาราที่ภาคใต้และภาคอิสานให้มากขึ้น แต่ง ยางอาย ของเด็กวัยนี้ กลับลดลง

สงสัยคงต้องของบประมาณทำวิจัยเรื่องนี้ค่ะ คือ ยางพาราไทย กับ ยางอาย วัยรุ่น อย่างไหนวิกฤตกว่ากัน?

สาวอิสานรอรัก อยากบอกน้องๆ วัยร่นค่ะว่า ทำอะไรเกรงใจ พ่อแม่หน่อย ทำไปได้ยังไง มัว เซ็กส์ มั่ว เพศกันขนาดนั้น

แต่ก็อย่างว่าแหละค่ะ โลกทุนนิยมเสรีการค้า มักสวนทาง กับศีลธรรมและจริยาธรรมเสมอ

บ่นมาหลายบรรทัดแล้ว อยากชมค่ะ ดีใจที่คุณวิทยา หยิบเรื่องนี้มาพูดค่ะ เป็นการสะท้อนปัญหาสังคมอย่างหนึ่ง ว่า เดี๋ยวคนไทย วัยรุ่นไทย เอากัน เหมือน กระต่ายค่ะ (คือกระต่ายมันจะเอากันถี่ เอากันบ่อยมาก) ไอ้การที่จะไปอบรมบ่มมารยาท และนิสัยรักนวล แบบแม่พลอยในเรื่องสี่แผ่นดินนั้น คงไม่ได้ผล รํฐบาลคงต้องหาทางอื่นค่ะ เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาสังคม เช่น การรณรงค์ให้ใช้ถุงยางอนามัย หรือการมี เซ็กส์อย่างปลอดภัยค่ะ

อะไรๆ บนโลกก็ต้องหมุนไป
สิ่งดีๆ ก็พัฒนาขึ้น
สิ่งไม่ดีก็พัฒนาขึ้น
แต่เรามาช่วยกันอย่าให้สิ่งไม่ดีมีมากจนสังคมว่นวายค่ะ

Anonymous said...

ตอนผมเป็นวัยรุ่น
ก็เคยลองนะครับ
แชทแล้วออกไปมีเซ็กส์
ก็แค่ประสบการณ์น่ะครับ
แต่เหมือนพอโตขึ้นมา
ย้อนกลับไปดู
ก็ถามตัวเองเหมือนกัน
ว่าทำไปได้ยังไง
แต่ก็ทำให้เราได้เห็นอะไร
กว้างมากขึ้นน่ะครับ
เมื่อเราเห็นด้านไม่ดี
ทำให้เรามองสิ่งที่ดีอย่างมีคุณค่าขึ้นมั้งครับ
.....ไร้นาม......