Sunday, October 15, 2006

ระหว่างอยากรู้....ไม่อยากรู้

เลิกแอบเสียที / วิทยา แสงอรุณ Metro Life นสพ. ผู้จัดการวันเสาร์ vitadam2002@yahoo.com
14-15 Oct 2006

“พี่วิทย์...มาถึงแล้ว...เพิ่งตรวจไป...”
“อ๋อ....เหรอครับ...เป็นไงบ้าง”
“ไม่รู้สิ...ใจไม่ดีเลย ตอนนี้เขาให้รอฟังผล”
“อยู่คนเดียวเหรอ”
“ครับ...ถ้าผลออกมา...ผมต้องตายแน่ๆ”

….

ระหว่างนั้น ผมก็ชวนเขาคุยเรื่องโน้นเรื่องนี้ไปเรื่อยที่ไม่เกี่ยวกันกับสิ่งที่เขารออยู่ แต่ก็อดไม่ได้ที่จะสำทับอีกทีว่า ถึงผลออกมาเป็นบวก ก็ไม่ถึงกับตายหรอก ต้องเรียกว่า “โชคดี” ต่างหากที่รู้ตัวก่อน จริงๆ แล้ว มีคนอีกเป็นเรือนหมื่นนะในประเทศไทยที่ติดเชื้อแล้วยังไม่รู้ตัว คนที่รู้ตัวก่อนจะ “บริหารจัดการ” ได้ก่อน

ประโยคหลังนั่นเป็นคำพูดของเจ้าหน้าที่ที่นั่น ผมจำได้ดี เพราะอีกหนึ่งอาทิตย์ถัดมาหลังจากได้รับโทรศัพท์จากเขาคนนั้น ผมก็พาตัวเองไปอยู่ในสถานการณ์เดียวกัน ในตอนเย็นๆ เหมือนกัน
พอออกมาจากที่นั่น ผมมีนัดกินข้าวกับเพื่อน

“นายไม่ตรวจบ้างเหรอ” ผมถามเพื่อน
“ไม่เอาหรอก...”
“ไม่อยากรู้เหรอ...ตรวจครั้งที่แล้วเมื่อไหร่”
“เพื่อนที่เป็นพยาบาลตรวจให้ มันจับเจาะเลือดเลย ตอนนั้น...กลัวแทบตาย”
“เมื่อไหร่...นั่นนะ”
“สองปีแล้วมั้ง”

ผมมองหน้าเพื่อนอย่างงๆ ทั้งๆ ที่เพื่อนคนนี้คลุกคลีอยู่ในวงการสุขภาพ และยังถือว่า เป็นคนที่ “active” อยู่

มันคงเป็นสถานการณ์อันอีหลักอีเหลื่อ มันคงเป็นสถานการณ์ที่เขย่าความมั่นคงทางจิตใจทุกขณะจิต มันคงเป็นสถานการณ์ที่อาจเปลี่ยนทุกสิ่งในชีวิต...ตลอดไป เราหลายคนต้องเคยรู้สึกถึงมันมาก่อน มันอยู่ตรงกลางระหว่าง อยากรู้กับไม่อยากรู้

วันนั้น เข็มนาฬิกาค่อยๆ เคลื่อนไปอย่างช้าๆ จนครบ 30 นาที เมื่อผลตรวจออกมา... ความรู้สึกเช่นนี้คงเกิดขึ้นกับทุกๆ คน

ผมเชื่อว่า ก่อนที่ใครๆ จะพาตัวเองไปนั่งตรงนั้น คงต้องครุ่นคิดอย่างหนัก เพราะความอยากรู้ก็เยอะ ความไม่อยากรู้ก็มีไม่น้อย...มันเป็นสิทธิส่วนบุคคลของเราเองแท้ๆ แต่จริงๆ แล้ว มันเกี่ยวข้องกับอีกหลายๆ คนโดยที่เราไม่รู้ตัว
ตราบใดที่เรายังมีเพศสัมพันธ์อยู่ ผมคิดว่า คำว่า อยากรู้....กับไม่อยากรู้ จะต่อสู้กันในจิตใจอย่างรุนแรงทุกครั้งเมื่อมีใครไปสะกิดเตือนว่า ให้ไปตรวจซะที

สำหรับเพื่อนผมคนนั้น คงต้องใช้นิ้วมือนับให้ถ้วนถี่ แต่ท่าจะไม่พอ คงต้องหยิบกระดาษและปากกาขึ้นมาทบทวนความทรงจำ หากเจอคำถามที่ว่า ในช่วงหกเดือน หรือหนึ่งปีที่ผ่านมา มีเพศสัมพันธ์ไปกับกี่คน ปกติ...เขามักจะเล่าให้ผมฟังว่า ไปมีอะไรกับใครมาบ้าง แต่ผมเชื่อว่า ไม่มีใครเล่าให้ใครฟังหมดทุกเรื่องหรอก

ท่านผู้อ่านทั่วไปอ่านตรงนี้ ก็คงคิดว่า เกย์มักชอบมีเพศสัมพันธ์ถี่ๆ กันทุกคน แต่จริงๆ แล้วที่ผมพบ เป็นเฉพาะบางคน

แต่ถ้าจะแย้งว่า ก็เห็นเหล่าเกย์จะ “active” กัน “ส่วนใหญ่” ก็คงต้องถามต่อว่า แล้วการมีเพศสัมพันธ์ส่วนใหญ่ ใช้ถุงยางอนามัย หรือมีอย่างปลอดภัยหรือเปล่า เราห้ามคนไม่ให้มีเพศสัมพันธ์ ไม่ได้ ดังนั้น มันขึ้นอยู่กับว่า เขารู้จัก “เซ็กซ์อย่างปลอดภัยทุกครั้งหรือเปล่า” ไม่ใช่ว่า มีไปแล้วกี่หน หรือ ต้องตราหน้าว่า ไอ้หมอนี่ “เซ็กซ์จัด”

หากมีอะไรกับใครหนเดียว แล้วไม่ป้องกัน ก็มีโอกาสติดเชื้อได้เหมือนกัน สำหรับผม ผมคิดว่า ชีวิตทุกคนล้วนอยู่ในความเสี่ยงทั้งนั้น มันขึ้นอยู่ที่เราว่า เราจะ “บริหารจัดการ” อย่างไร

ก่อนจะจบบทสนทนากับเพื่อน ผมคะยั้นคะยอเขาอีกครั้งว่า ให้ไปลองตรวจดู เขาแบ่งรับแบ่งสู้ว่า ขอคิดดูก่อน

ในฐานะที่เป็นคนหนึ่งที่ “ไปตรงจุดนั้น” แล้ว และแนะนำสถานที่นี้ไปหลายหน ถึงเวลาแล้ว ต้องไปดูให้เห็นกับตา แล้วมันก็เกิดขึ้นจริงๆ ระหว่าง ความอยากรู้ กับไม่อยากรู้ มันกำลังต่อสู้กัน... แต่ผมอยากรู้มากกว่าว่า ที่นั่น เขาทำอะไรกันบ้าง

คลินิกชุมชนสีลม เป็นเพียงไม่กี่แห่งที่มีเครื่องมือ เจ้าหน้าที่ การอบรม และการเตรียมการณ์ดีที่สุดในประเทศไทย อีกอย่าง ผมคิดว่า น่าจะเป็นสถานที่ “น่าท่องเที่ยว” แห่งหนึ่ง หากคุณผ่านไปแถวสีลม

เดิมทีว่า คิดว่าจะแค่แวะไปดูและสอบถามข้อมูลมา แต่คงจะ “ไม่รู้สึก” และก็ “ไม่รู้จริง” อยู่ดี ผมเลยลงทะเบียนเข้าโครงการอาสาสมัครเพื่อการเก็บข้อมูลและตรวจสุขภาพทางเพศของชายรักชายที่เขายังเปิดอยู่ซะเลย ตอนนี้มีคนสมัครแล้วหลายร้อยคน น่าปลื้มใจ ระยะเวลาที่อยู่กับโครงการก็สองปี นึกๆดูแล้ว ดีซะอีก มีคนช่วยดูแลสุขภาพให้ไปตั้ง 24 เดือน

ก่อนจะไป ผมโทรไปนัดเวลาที่แน่นอน เพราะได้ยินมาว่า ที่นี่เริ่มเป็นที่รู้จักกันแล้ว คนเริ่มเยอะเจ้าหน้าที่ก็แนะนำว่า มาวันธรรมดาดีกว่า ตั้งแต่อังคารถึงศุกร์ เลือกเอา ระหว่าง 4 โมงเย็นถึงสี่ทุ่ม ส่วนวันเสาร์คนค่อนข้างแน่น วันอาทิตย์ปิด

วันที่ผมไป ฝนตกพรำๆ ตอนเย็น ท้องเริ่มหิว หรือว่า จะเลื่อนนัดดี?

จากประตูใหญ่ทางเข้าตึกโรงพยาบาลกรุงเทพคริสเตียน ถนนสีลม เดินเลี้ยวขวา มุ่งหน้า ผ่านแผนกจ่ายยา ไม่ต้องกังวลใจว่า ใครจะมองคุณ (ถ้าคุณไม่มองใคร) โรงพยาบาลนะคุณ คนพลุกพล่านอยู่แล้ว โดยเฉพาะยามเย็น ตอนนี้ก็มองหาป้ายเขียนที่เขียนว่า คลินิกชุมชนสีลม ป้ายบอกทางพร้อมลูกศร เดินตามไป เพื่อขึ้นลิฟท์ แล้วกดชั้นสาม

เอาล่ะ ประตูลิฟท์เปิดออก คุณจะเห็นแผนกสูตินารีอยู่เบื้องหน้า มีเคาน์เตอร์รีเซฟชั่น มีเก้าอี้รับแขกมากมาย ยังไม่ใช่ตรงนั้นนะครับ ไม่ต้องยิ้มทักใคร เลี้ยวซ้าย เดินเชิดๆ ต่อไปด้วยความมั่นใจไปตามป้ายบอกทางไปคลินิกชุมชนสีลม แล้วคุณจะพบกับความเป็นส่วนตัวและความเงียบ พอผลักประตูเข้าไป คุณก็ถึงโรงแรม เอ๊ย...คลินิกแล้ว

ตอนที่ผมไป เขาตกแต่งปรับปรุงใหม่ทั้งหมด แม้จะไม่มีพื้นที่เยอะ แต่ทุกอย่างจัดเป็นสัดส่วน คุณจะไม่รู้สึกว่า อยู่ที่คลินิก เพราะบรรยากาศเหมือนโรงแรมบูติคเล็กๆ ที่น่าเดิน มีอินเทอร์เน็ตฟรีให้ใช้ ระหว่างรอ

ในการมาครั้งแรก ถ้าคุณจะเพียงไปตรวจเอช ไอ วี และโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อื่นๆ เท่านั้นก็ได้ หรือคุณจะเลือกสมัครเข้าโครงการที่ผมเล่าไว้ก็ได้ ไม่ผิดกติกา ทุกอย่างไม่เสียค่าใช้จ่าย และเจ้าหน้าที่จะทำตามขั้นตอนของสาธารณสุข ตั้งแต่ แนะนำโครงการ ต้องบอกว่า เขาจะบอกคุณอย่างละเอียด และให้คุณอ่านเอกสารอย่างละเอียดเช่นกัน

สำหรับครั้งแรก หากคุณเลือกสมัครเข้าโครงการ แนะนำนิดหนึ่ง คุณต้องเตรียมเวลาอย่างน้อย 2 ชั่วโมง ดังนั้น หากนัดกิ๊ก นัดแฟน หรือนัดบอดไว้หลังจากนั้น ต้องเผื่อเวลา

วันที่ผมไป มีฝรั่งมาตรวจคนหนึ่งกับหนุ่มฟิลิปปินส์ ไม่รู้ว่า มาเป็นเพื่อนกัน หรือมาตรวจพร้อมกัน ตอนขากลับ ก็เจอคนไทยวัยรุ่นคนหนึ่ง หน้าตาน่าร้ากก เขานั่งรออยู่ตรงห้องรับแขกซึ่งมีม่านบังตาปิดไว้เป็นสัดส่วน เขามองมาแวบหนึ่ง เลยอดยิ้มไม่ได้นิดหนึ่ง

หลังจากรอกข้อมูลต่างๆ ไปแล้ว รวมทั้งตอบคำถามบนจอคอมพิวเตอร์อันทันสมัย ซึ่งต้องบอกว่า บางคำถาม คุณอาจจะรู้สึกอึดอัดบ้างนะครับ แต่ย่อมก็ดีกว่า ตอบกับคนถามโดยตรง คุณจะโกหกก็ได้มันเป็นคอมพิวเตอร์ แต่จะโกหกไปทำไมล่ะ ในเมื่อคุณอาสามาให้ข้อมูล

พอกลับเข้ามาที่ห้องตรวจอีกครั้ง ผมก็รู้ตัวว่า พร้อมแล้วที่จะเผชิญอะไร ขั้นตอนอื่นๆ ผ่านไป เพราะสามัญมาก จนถึงเวลาสำคัญ “ตรวจบนเตียง” ถึงเวลาแล้วต้องปลดเข็มขัด แล้วผมก็อดไม่ได้

“แหม...พี่ครับ” ผมบอกเจ้าหน้าที่ผู้อาวุโสกว่า “ลืมไป...วันนี้กางเกงในผมไม่สวย”

เจ้าหน้าที่หัวเราะ พร้อมอธิบายท่านอนตะแคงจนเป็นที่เข้าใจ

ผมถอดรองเท้า ปลดเข็มขัด ล้มตัวลงนอนบนเตียง หันหน้าเข้าหากำแพง หันหลังให้เจ้าหน้าที่ในท่าคุดคู้เหมือนนอนกอดหมอนข้างไว้ เริ่มถลกกางเกง พร้อมดึงกกน. ลงครึ่งหนึ่ง เจ้าหน้าที่สวมหน้ากากพลาสติก และเริ่มปฏิบัติการโดยใช้สำลีเล็กๆ สอดเข้าไป แล้วเก็บข้อมูล “ภายใน” เพื่อตรวจหาเริม และโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อื่นๆ ที่คุณอาจไม่รู้

เจ้าหน้าที่บอกว่า ผมจะไม่ตรวจในขั้นนี้ก็ได้ เพราะเป็น “ออพชั่น” เพราะบางคนก็ไม่มีเพศสัมพันธ์แบบสอดใส่ ก็ไม่อยากตรวจ

แต่ทำไมล่ะครับ? ในเมื่อมาแล้ว ตัดสินใจเป็นอาสาสมัครแล้ว ก็ตรวจซะให้หมดเปลือกเลย อยากจะบอกท่านผู้อ่านอีกนิดนะครับว่า ผมไม่ได้อายเลย ไม่ใช่เพราผมไม่มี “ยาง” หรือ “แก้” บ่อยๆ แต่เพราะเราสองคนกำลังทำงานร่วมกัน “เพื่อการวิจัย” อยู่ไง

ผมลองถามน้องคนหนึ่งซึ่งทำงานในโรงพยาบาลว่า ถ้าไปตรวจทั้งหลายทั้งปวงเองแบบที่ไปตรวจมา ตามขั้นตอนแบบคลินิกชุมชมสีลมครบเซ็ท ทั้งค่าแล็ป ค่าเทสต์ ค่าอุปกรณ์ ค่าบริการ รวมๆ แล้วสนนราคาจะอยู่ที่เท่าไหร่ เขาบอกว่า ประเมินดูแล้วคร่าวๆ น่าจะตกอยู่ที่ 4,000-5,000 บาท

อีกสองอาทิตย์ ผมจะไปฟังผลการตรวจเรื่องอื่นๆ อย่างไวรัสตับอักเสบ ฯลฯ ที่ไม่อาจทราบผลเลยทันทีเหมือนตรวจเชื้อ เอช ไอ วี ที่รู้ผลภายใน 30 นาที

บอกต่อกันไป : หากคุณคิดว่า ถึงเวลาที่คุณ “ควรรู้” แล้วว่าสถานะเลือดของคุณเป็นอย่างไร หรืออยากให้คนที่คุณรักไปตรวจเพื่อ “บริหารและจัดการ” ตัวเองในเรื่องสุขภาพอย่างเป็นส่วนตัว ติดต่อคลินิกได้ที่ 02-634-2917 เว็บไซต์ http://www.silomclinic.in.th หรือ อีเมล silom@tuc.co.th หรืออีเมลมาถามกับผม เรื่องที่น่าสงสัยและเป็นส่วนตัวก็ได้ ยินดีเล่าให้ฟัง/ ใครยังไม่ได้คลิก www.bkktv.com รูปต้นกับอั๋น เซคชั่นกิจกรรมด้านขวามือ ฝากคลิกด้วนะครับ มีเกมเบาๆ พร้อมของรางวัลให้ทายกัน

-end-

All rights reserved.

4 comments:

Anonymous said...

ได้ทั้งความรู้และข้อคิดจาก "ผู้มีประสบการณ์" (อย่างโชกโชน)อีกเช่นเคย ก็ถือว่าได้รับอาหารสมองเมนูเด็ดมาช่วย ปรุงชีวิตให้มีรสชาดมากขึ้น


ตัวผมเองยังไม่รู้ว่าจะได้ไปใช้บริการเมื่อไร แต่มั่นใจว่าเพื่อนผมอีกหลายคนคงสนใจเรื่องนี้แน่ ๆ ต้องรีบไปเม้าท์กระจายข่าวดีๆ ที่ นานๆ ทีจะมีสาระกะเขาบ้าง !


ขอบคุณครับ... สำหรับบทความดี ๆ ที่มีให้อ่านเสมอมา
และผมจะติดตามตอนต่อไป ๆ ๆ ๆ ๆ ...
-o^__^o-

Anonymous said...

เคยตรวจภายในเมื่อนานมาแล้ว เป็นหมอผู้หญิง
เขาบอกให้ผมปลดเข็มขัด แล้วก็ดึงกางเกงลง
ตอนนั้นนอนหงายอยู่ ผมก็คงทำท่าเขินๆมั้งครับ
เหมือนคนไม่เคยถอดให้คนอื่นดู

สุดท้ายหมอก็บอกว่าพอแล้ว ใส่กางเกงได้

เหอเหอ ก็ไม่เคยถอดให้ผู้หญิงดูจริงๆนี่นา

Anonymous said...

หวัดดีครับพี่วิทย์
แวะมาเป็นกำลังใจให้อ่ะครับ "ผม" คือคนที่ไปฟังผลวันนั้นแล้วโทรศัพท์หาพี่ ระหว่างทางที่พี่กำลังเดินทางไปชลบุรี หรือบางแสนนี่แหละ ผมไม่แน่ใจเหมือนกัน
ผมคิดว่า ประโยคเริ่มต้นคงเป็นการกล่าวถึงผมแน่เลย
บอกตรงๆ ว่าวันนั้น ตื่นเต้น จนหัวใจแทบจะหลุดออกมาอยู่นอกร่างกายจริงๆ

ผมไม่แน่ใจว่า ครั้งต่อไป ผมไปตรวจแล้วผมจะเจออะไรบ้าง แต่อย่างน้อย รอบที่ผ่านมานี้ ผมปลอดภัย ผมก็สบายใจแล้ว

ขอบคุณมากนะครับสำหรับกำลังใจดีๆ ในวันนั้น (ต้องบอกเพื่อนๆ ที่แวะเข้ามาอ่านก่อนว่า วันนั้นที่ผมไปฟังผล เผอิญผมเห็น magazine อยู่ 1 ฉบับที่สัมภาษณ์พี่วิทย์พอดี ผมเลยโทรหา ก็เท่ากับว่าผมได้เห็นและได้คุยกะพี่วิทย์ไปด้วย เหมือนได้อยู่ด้วยกันเลย)

เหมือนที่พี่บอกว่า ความอยากรู้...และไม่อยากรู้ เป็นความรู้สึกที่ขัดแย้งกันอยู่ยากที่จะหาเหตุผลมาอธิบายได้ว่า ทำไมถึงไป และทำไมถึงไม่ไป แต่ผมก็เป็นคนหนึ่งที่ไปแล้ว รู้สึกสบายใจ เพราะด้วยความเชี่ยวชาญของเจ้าหน้าที่ ทำให้ผมรู้สึกว่า ผมมีเพื่อนอยู่ข้างๆ ตลอดเวลา คำพูดที่ทำให้ผมรู้สึกสบายใจเหมือนเพื่อนตรวจให้เพื่อน คำพูดที่ทำให้เราวางใจได้ว่า ข้อมูลของเราจะถูกเก็บเป็นความลับอย่างดี คำพูดที่ทำให้เราวางใจว่า โลกใบนี้ไม่ได้มีเราอยู่แค่คนเดียว ถึงแม้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับเราก็ตาม และความรู้สึกมากมายที่เกินที่จะบรรยายจริงๆ

ถึงแม้ว่าจะเป็นระยะเวลาเพียงสั้นๆ ที่เข้าไปตรวจ และรู้หรือเปล่าว่า เวลาที่เราอยู่ในห้องกับหมอ ระยะเวลาของการรอคอยการฟังผลนี่แหละ คงจะเป็นเหตุผลที่ทำให้หลายๆ คนนึกกลัวการที่จะตรวจ กลัวการที่จะยอมรับความจริง ผมคิดว่า อย่างน้อยหากคุณๆ ได้ไปตรวจกันแล้ว ไม่ว่าผลจะออกมาเป็นอย่างไร ก็ยังดีกว่าที่เราไม่รู้เลยนะครับว่าตอนนี้เราเป็นอะไรบ้าง เพราะว่าโรคติดต่อจากการมีเพศสัมพันธ์เยอะจนน่ากลัวจริงๆ

ช่วยๆ กันเป็นอาสาสมัครนะครับ เพราะอย่างน้อย คุณก็มีคนที่จะคอยช่วยคุณดูแลสุขภาพของคุณเองอย่างน้อยตั้ง 2 ปี ลองให้โอกาสคนอื่นดูแลสุขภาพของคุณบ้างสิครับ

จาก.....หนึ่งในอาสาสมัคร (พี่วิทย์คงรู้จักดี)

Anonymous said...

หวาดดีพี่

อ่านดูแล้วเข้าใจความรู้สึกเลยละครับ

ทำไมนะเหรอ?

ผมก็เคยตรวจแล้วเหมือนกัน
แม้จะมีการป้องกันก็ตาม แต่ก็ไม่แน่ใจว่ามันจะร้อยเปอร์เซนต์ ขนาดข้างกล่องยังเขียนไว้
อารมณ์ตอนแรกก่อนที่จะเข้าไปเจาะเลือดประมาณ 50-50 - - - ใจสู้เต็มที่ เป็นไงเป็นกัน(วะ)

แต่พอตรวจไปแล้วต้องรอฟังผลประมาณ 1 ชั่วโมง
กำลังใจมันค่อยๆ ลดลง ลดลง
มันลุ้นๆยังไงไม่รู้ ใจกล้าๆกลัวๆ
จากที่กำลังหิวๆข้าว กลายเป็นลืมหิว
ยิ่งพอครบชั่วโมงแล้ว พยาบาลก็ยังไม่เรียก กำลังใจยิ่งลดลง

แต่พอแค่รู้ผลว่า Negative

โอ้ แม่เจ้า!!!!!!!!!!

มันตื่นเต้นบอกไม่ถูก เหมือนเราได้เกิดใหม่อีกครั้ง
แต่หมอก็บอกว่าอีก 6 เดือนให้มาเช็คอีกครั้ง

เฮ้ออออออ!!!!!

เช็คก็เช็ค