Sunday, April 09, 2006

เลิกแอบอย่างมือโปร (2)

เลิกแอบเสียที /วิทยา แสงอรุณ Metro Life นสพ. ผู้จัดการวันเสาร์ vitadam2002@yahoo.com 8-9 April 2006

สัปดาห์ที่แล้วผมได้นำเสนอเรื่องของ “เอก” ซึ่งโดยส่วนตัวแล้ว ผมรู้สึกปลื้มน่ะครับที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของประสบการณ์ครั้งแรกอันน่าตื่นเต้น-ที่เขาตัดสินใจ “เลิกแอบ” กับเพื่อนสนิทคนหนึ่ง.

พอคำว่า “Congratulations” ที่เพื่อนของเขาเอ่ยออกมาหลังจากได้รับรู้ความจริง ผมก็อดดีใจไปกับเขาด้วยไม่ได้ ประสบการณ์ครั้งแรกแบบนี้คงไม่ระทึกเหมือนหนแรกที่เรามีอะไรกับใครคนหนึ่ง และยังดันจำรายละเอียดทุกเม็ดจนถึงทุกวันนี้ แต่การเปิดซิงกล้าพูดความจริงเสียทีกับเพื่อนสนิทสักคน สำหรับผมแล้ว ถือว่าเป็นก้าวสำคัญก้าวหนึ่งในชีวิตเลยทีเดียว

คุณที่ยังไม่เคยเผยความในใจกับเพื่อนรัก คุณก็จะทำได้เช่นกัน

ไม่ลองก็ไม่รู้ แต่พอลองดูแล้วคุณจะติดใจ!

คนเรานะครับ เมื่อไม่มีเรื่องต้องปิดบังและกังวลกับคนที่เราไว้ใจแล้วจะทำให้เรากับเขาสนิทสนมและแนบแน่นกันมากยิ่งขึ้น เราจะสบายใจอย่างไม่เคยรู้สึกมาก่อน บางคนอาจจะเหมือนบินได้เลย

ส่วนคนที่เคยหลงคิดไปว่า ใครๆ จะไม่มีวันรู้ความลับเพราะตัวเองสร้างภาพ และบิดเบือนกลบเกลื่อนความจริงไว้แล้วก็จะพบสัจธรรมที่ว่า การมีชีวิตอยู่อย่างไม่ต้องกลัวที่จะสูญเสียอะไรในชีวิตไปคือหนทางปลดทุกข์ และนั่นคือความจริงที่สุด

สำหรับความจริงของของคอลัมน์นี้ก็คือ ไม่มีสูตรสำเร็จใดๆ ที่จะทำให้คุณสบายใจกับสิ่งที่คุณเป็น แต่มีข้อแนะนำที่ผ่านการลองผิดลองถูกมาแล้วจากหลายๆ คนให้คุณพิจารณาดู หากคุณผู้อ่านที่ไม่ได้เป็นเกย์ แต่สงสัยเพื่อนอยู่ ก็ลองตัดบทความนี้ส่งให้เพื่อน โปรดอย่ามัวเสียเวลาคิดว่า เป็นเกย์จะต้องจนมุมและไม่มีทางออกใดๆ อีก นั่นมันเรื่องในอดีต

ณ เวลานี้ เมื่อถึงเวลาที่คุณรู้สึกอยากจะบอกเพื่อนสนิทสักคน...

1. ถามใจตัวเอง คุณรู้สึกดีกับสิ่งที่คุณเป็นหรือยัง ถ้ายังวนเวียนคิดอยู่แต่ว่า เป็นเกย์ก็คือบาป สกปรก ชั่วร้าย และควรจะตายๆ ไปซะ งั้นก็อย่าเพิ่งไปเผยความลับในใจกับใครๆ เลย หันมาบริหารจิตใจอันอ่อนล้าเพราะอคตินานปีที่รุมเร้าข้างในตัวคุณเสียก่อน ปรับทัศนคติด้านลบของตัวเองด้วยการหาคนพูดคุยด้วย เข้าเว็บ หาข้อมูล อ่านๆ ๆ เปิดใจให้กว้าง พยายามมองกระจกอีกด้านหนึ่ง หรือคุณจะเมล์มาคุยกับผมก็ได้ ด้วยความยินดี (vitadam2002@yahoo.com)

นอกจากนี้คุณควรมี “ฐานที่มั่นกำลังใจ” สักแห่ง นายเอก เลือกผมเป็นกำลังใจให้เขา เขาโทรมาหาผม บอกให้ผมรับรู้ว่า เขากำลังจะทำอะไร เพราะเขารู้ว่าหากสิ่งที่ได้มาหลังบอกออกไปไม่สมดังใจ อย่างน้อยก็มีผมคนหนึ่งที่จะเป็นคนช่วยยันเข้าไว้ไม่ให้โงนเงนไปกับสิ่งที่เกิดขึ้น

2. บรรเลงให้ถูกคน คุณต้องดูก่อนว่า เพื่อนที่คุณอยากจะบอกเป็นคนยังไง? ผู้อ่านท่านหนึ่งเขียนมาเล่าให้ฟังว่า ได้เผยความในใจกับเพื่อนอาวุโสที่หัวโบราณเอามากๆ เขาไม่แน่ใจว่า เพื่อนคนนี้มองเรื่องเกี่ยวกับเกย์ยังไง แต่พอบอกออกไปเท่านั้นแหละ เพื่อนก็เทศนาสั่งสอนเป็นการใหญ่ เขาเลยไม่แน่ใจยิ่งขึ้นไปอีกว่าควรจะลองบอกกับคนอื่นๆ อีกหรือเปล่า เขาฝ่อไปเลย

การเลือก “คนแรก” ของคุณนั้นจึงต้องพิถีพิถันหน่อย โปรดจำไว้ว่า คุณคือผู้เลือก และ “ผู้คุมเกม” ไม่ใช่กำลังขึ้นเขียง

อีกอย่าง การบอกเพื่อนสนิทโดยที่ไม่คิดจะ “กินเพื่อน” มักจะง่ายกว่า หลายคนต้องการบอกเพื่อนเพราะแอบรักเขาอยู่ลึกๆ คิดเอาเองว่า เพื่อนอาจจะมีใจให้ พอไม่ใช่ก็เจ็บหนัก ดังนั้นคนแรกของคุณน่าจะเป็นคนที่คุณไม่เคยเก็บเขาไปฝันเปียกจะดีที่สุด นึกถึงเพื่อนผู้หญิงนิสัยดีสักคนเป็นไง?

3. ฝึกฝนการพูดจา อ่า...อย่าคิดว่าเป็นเรื่องเด็กๆ นะครับ ลองวาดภาพดู คุณกำลังอยู่กับเพื่อนสนิทสองต่อสอง กำลังจะบอกแล้วล่ะ แต่ช้าก่อน แล้วจะเริ่มยังไงดี? ยังไม่เคยนี่ ของอย่างนี้ต้องเตี๊ยมให้ดี สมัยคุณขอเงินแม่ไปเที่ยว ยังต้องคิดคำพูดเก๋ๆ เตรียมไว้เลย คุณคงไม่อยากปากสั่น ใจเต้นตุบๆ เหงื่อออกพลั่กๆ ต่อหน้าเพื่อนแน่ถ้าจะพูดเรื่องสำคัญของชีวิตคุณเป็นครั้งแรก คุณต้องทำตัวสบายๆ เหมือนไม่ใช่เรื่องใหญ่โต

ผมมีประโยคตัวอย่าง ก๊อปได้ไม่มีลิขสิทธิ์ (กรณีชาย-ชาย)

เราคบหาเป็นเพื่อนกันมาตั้งนานแล้ว เรารู้สึกดี และโชคดีจริงๆ ที่มีนายเป็นเพื่อนเสมอ เวลามีเรื่องอะไร เราสองคนก็ปรึกษากันได้ตลอดใช่ไหม? มีอยู่เรื่องหนึ่ง อยู่ในใจเรามาตั้งนานแล้ว เราไม่ได้หนักใจกับเรื่องนี้ มันเป็นเรื่องที่ดีของเรา และเราอยากให้นายรับรู้ไว้ –เราไม่ได้ชอบผู้หญิง....

หรือถ้าคุณเป็นแนวโผงผาง ก็บอกโต้งๆ ไปเลย “ข้าเป็นเกย์วะ” เท่ดี

4. สรรหาความเป็นจริง แปลกนะครับ มือถือก็อัพเดทกันไปหลายรอบแล้ว แต่ความคิดคนไม่ค่อยจะอัพเดท ในขั้นตอนนี้ คุณควรเริ่มเติมหยักในสมองให้เพื่อนสักหน่อยด้วยการสรรหาแต่ความจริงมาพูดกับเพื่อน ข้อมูลต่อไปนี้จะช่วยปูพื้นฐานให้เพื่อนตาสว่างได้ บอกเขาไปว่า

-องค์การอนามัยโลกไม่ถือว่า คนรักเพศเดียวกันเป็นความผิดปกติทางจิตมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1992 (หรือถ้าเพื่อนระลึกไม่ถูก ก็บอกว่า สมัยพฤษภาทมิฬโน่นไง 2535 จำได้ปะ?)

-ถ้ายังไม่พอ ก็เติมไปอีกนิด สมาคมจิตแพทย์อเมริกันที่เป็นแม่แบบให้วงการจิตแพทย์ทั่วโลกไม่ถือว่าเกย์เป็นโรคมาตั้งแต่ปี 1973 แล้ว (อันนี้สมัย 14 ตุลา 2516) แต่หากเพื่อนเป็นคนไม่ค่อยชอบอ้างอิงฝรั่ง ก็เสนอได้ว่า

-กรมสุขภาพจิตของประเทศไทยออกหนังสือรับรองทางด้านวิชาการอย่างเป็นทางการเมื่อปี 2545 แล้วว่า เกย์ไม่ได้เป็นโรค และไม่ได้ป่วยทางจิต (ภาษาทางการคือ “บุคคลรักเพศเดียวกันมิได้ถือว่าเป็นผู้มีความผิดปกติทางจิตหรือป่วยเป็นโรคแต่อย่างใด”)

คุณเองอาจจะเก็บข้อมูลเหล่านี้ไว้ใช้เพื่อภายภาคหน้าสำหรับสถานการณ์อื่นๆ มันคือ facts หากคนฟังปฏิเสธ ก็เป็นปัญหาในใจเขาเองล่ะครับที่ต้องแก้ไขต่อไป

5. ท่าไม่ดี ซิ่งหนีเลย อันนี้เปล่าล้อเล่น ใครจะไปรู้ล่ะว่า หลังจากกล่องดวงใจถูกเปิดออกแล้ว เพื่อนจะโอเค หรือไม่โอเค (ไม่ใช้คำว่าเพื่อน “รับได้” หรือ “รับไม่ได้” เพราะเราไม่ต้องการให้ใครมาอนุญาตหรือรับรองอะไรเนื่องจากไม่ได้ทำผิดอะไร-โปรดอย่าลืม จุดประสงค์ของการเลิกแอบก็คือ การได้ใช้ชีวิตเป็นตัวของตัวเองโดยปราศจากความกลัวด้วยการหันหน้าเผชิญกับความจริง ซึ่งไม่ได้หมายถึงการออกไปแสวงหาคำอนุมัติจากใคร)

เนื่องจากคุณได้บรรจงเลือกคนที่จะบอกไว้ก่อนแล้วดังข้อหนึ่งข้างต้น ผมขอเหมาเอาว่า มีแนวโน้มที่เพื่อนจะไม่มีปัญหามากกว่าจะมีปัญหา แต่กรณีเพื่อนสติแตกและแม้คุณได้ทำข้อสี่ไปแล้ว? ก็ขอแนะนำว่า อย่าไปเสียเวลาถกเถียง หรือมีปากมีเสียงเอาชนะกันเลย โปรดรีบจบการสนทนาอย่างรวดเร็ว แล้วถอยออกมาสักพัก

6. วางเฉยเมื่อเพื่อนหายหัวไป เขาไม่รักเรา เราก็ไม่ต้องรักเขา ผมเคยพลาดไปหนหนึ่งตอนผมบอกเพื่อนสาวผู้เคร่งครัดกับไม้กางเขน เราเรียนด้วยกันมาตั้งหลายปี ผมเดาว่า หล่อนทันสมัยและใจกว้าง ผมอีเมลไป “เลิกแอบ” เพราะหล่อนอยู่เมืองนอก แล้วผมก็ได้อีเมลอะไรมายาวเหยียดมาก เนื้อๆ ก็คือ บอกว่า พระเจ้า “condon you” ผมเลยตอบกลับไปว่า
เก็บ your พระเจ้าเอาไว้ เพราะฉันไม่ต้องการให้ใครมาบอก ‘ให้อภัย หรือจะไม่เอาผิดอะไรกับฉัน’ ฉันไม่ต้องการใครมา condon อะไร Bye.
แล้วผมกับหล่อนก็ห่างกันไป

คนบางคน พอเราบอกออกไป คงต้องให้เวลาเขาไป “เวิร์ค” กับเรื่องอคติทางเพศของตัวเองเสียก่อน และนั่นคือปัญหาของเขา “ไม่ใช่ปัญหาของคุณ” ไม่ต้องเสียอกเสียใจถ้าเพื่อนคนนั้นหายไป อย่างที่ผมคอยย้ำก่อนหน้านี้แหละครับ เพื่อนที่รักเราจะอยู่กับเรา เพื่อนที่ไม่ได้รักเราจะหายไป และอย่าไปเสียเวลากับคนพวกนั้น คุณควรเอาเวลาอันมีค่าของคุณมอบให้เพื่อนที่รักคุณดีกว่า

7. เติมพลังใจอยู่เสมอ ผมบอกนายเอกไปว่า หลังจากบอกเพื่อนสนิทคนนั้นไปแล้ว จงอย่าหยุด หาโอกาสบอกเพื่อนคนอื่นๆ ที่อยู่ในวงนอกๆ ออกไป หรือคนที่ไม่ได้สนิทกับเรามากมาย แต่เรารู้สึกดีด้วย การ “เลิกแอบ” ต้องทำแบบค่อยเป็นค่อยไป ผมไม่เคยบอกให้ไปวิ่งร้องใส่ชาวบ้านว่า ฉันเป็นเกย์ ๆ การเลิกแอบ คือการเลิกกลัว การเลิกกลัว ก็คือการยอมรับความจริงกับตัวเองและยอมรับมันได้กับคนอื่นๆ ต่างหาก เมื่อคุณมีประสบการณ์ครั้งแรกมาแล้ว ครั้งต่อๆ ไปจะง่ายขึ้นเรื่อยๆ จนถึงขั้นที่ว่า การบอกใครสักคนว่า คุณเป็นเกย์ ก็เหมือนกับพูดว่า “วันนี้ฉันกินข้าวกับอะไร”

การ “เลิกแอบ” คือการ “empower” หรือเติมพลังใจให้ตัวคุณเองอย่างหนึ่ง ยิ่งคุณขจัดความกลัวออกไปมากเท่าไหร่ จิตใจของคุณจะยิ่งสบายมากขึ้นเท่านั้น ยิ่งคุณลองบอกใครๆ บ่อยๆ คุณจะติดใจกับประสบการณ์ที่ได้รับ และหากคุณเกิดได้รับฟีดแบคที่ไม่งาม คุณจะพบว่า จิตใจคุณสงบนิ่งอย่างประหลาด และคุณต่างหากเป็นที่จะเป็นคน ‘condon’

เราต่างอยากมีชีวิตที่มีเงื่อนไขน้อยที่สุด ผมจะเอาใจช่วยและหวังว่าสิ่งดีๆ จะเกิดขึ้นกับทุกๆ คนที่อยากจะเปลี่ยนแปลงตัวเองเสียที

บอกต่อกันไป : อ่านเรื่องนายเอกตอนที่แล้วที่ แอบเลิกอย่างมือโปร (1) รู้สึกไม่สบายใจกับสิ่งที่คุณเป็น 02-235-4754-5 (10.00-22.00) สมาคมฟ้าสีรุ้งกรุงเทพ หรือ 0-5340-432, 0-5340-4342 (17.00-19.00) เอ็มพลัส เชียงใหม่/ นิตยสาร Demand ฉบับมี.ค. มีเรื่องเด็ดที่ชาวสีรุ้งควรรู้ / GM Plus 1-15 เมษ. สัมภาษณ์ยาวเหยีดโปรดิวเซอร์รายการทีวีคนเก่งผู้ไม่นิยมหลบแอบใดๆ คุณกร พิศาลบุตร /คู่สร้าง-คู่สม ฉบับ 1-10 เม.ษ. เสนอเรื่องชายไทยคนแรกที่แต่งกับหนุ่มอังกฤษ อ่านแล้วซึ้ง... /ติดตามบทบาทเกย์เนียนๆ ของ หนุ่ม กรรชัย กำเนิดพลอยในยัยไบบ้า ช่องเจ็ด. /ละครวิวาห์คาราเร่ต์เพิ่มรอบแล้ว www.dreambox.co.th.

-end-
All rights served.

5 comments:

Anonymous said...

Sawasdee Pee Vit,
Hi b&w, beemanufan(examination?), bgmomster, it and others,

ไม่มีสูตรสำเร็จใดๆ ที่จะทำให้คุณสบายใจกับสิ่งที่คุณเป็น(some secrets) แต่มีข้อแนะนำที่ผ่านการลองผิดลองถูกมาแล้วจากหลายๆ คนให้คุณพิจารณาดู หากคุณผู้อ่านที่ไม่ได้เป็นเกย์
For me, this excellent idea can adapt for many cases of all gender whenever they want to tell the truth...fantastic idea !!!

มือถือก็อัพเดทกันไปหลายรอบแล้ว แต่ความคิดคนไม่ค่อยจะอัพเดท
Nam is a one who would like to update and upgrade my brain cells(IQ)of straight so I read a lot of gay guy website and share my opinion with gay guys...Moreover, I strongly want to upgrade my EQ cos my real life needs to deal with a load of genius people..
จิตใจของคุณจะยิ่งสบายมากขึ้นเท่านั้น...จิตใจคุณสงบนิ่งอย่างประหลาด ..EQ ka....

เราต่างอยากมีชีวิตที่มีเงื่อนไขน้อยที่สุด ผมจะเอาใจช่วยและหวังว่าสิ่งดีๆ จะเกิดขึ้นกับทุกๆ คนที่อยากจะเปลี่ยนแปลงตัวเองเสียที.Nam too..cheer you up..
PS.Just know new definition of Soa Y last night...Confirmed..Nam is not ...

Anonymous said...

ขอบคุณครับ สำหรับบทความดีๆ
ที่อาจจะทำให้คนอีกหลายๆคนรู้สึกดีกับความเป็นตัวของตัวเอง :)

Anonymous said...

สวัสดีพี่วิทย์และคุณน้ำ แวะมาอ่านค่ะ อ่านหนังสือก็ต้องมีพักบ้างสิคะ ไปแปะชื่อในกระทู sbs ที่พันทิพมาด้วย ยังไม่ได้อ่านเลยค่ะ วันนี้เข้าเน็ตเพราะแมนยูสุดเลิฟแข่ง ชนะอีกต่างหาก มีกำลังใจในการอ่านหนังสือสอบขึ้นอีกเยอะเลย

Anonymous said...

ผมคิดว่า สมัยก่อน กว่าเกย์คนๆหนึ่งกว่าจะก้าวออกมายืนอย่างเปิดเผย อาจจะต้องผ่านทดสอบมาอย่างมากมาย ขอคิดขำๆนะครับว่า น่าจะมีจัดพิธีฉลองแห่งการเกิดใหม่และใช้ชีวิต มีมอบประกาศนียบัตรคล้ายมอบปริญญา (ไม่รู้มีใครอยากได้หรือป่าว) แต่เดี๋ยวนี้ผมว่ายังดีหน่อยที่สังคมเปิดรับมากขึ้น

แต่ก็น่าคิดต่อนะครับว่าสังคมเปิดกว้างในด้านไหนบ้าง?
(ไม่ทุกด้านหรือทุกมิติแน่นอน)ขออ้างคำอาจารย์นิธิ เอียวศรีวงศ์ "โดยเฉพาะในแง่ของพฤติกรรมทางเพศกลับไม่ได้รับการยอมรับในสังคมเลย เช่น ในหนังสือหรือนวนิยายมาจนถึงทุกวันนี้พฤติกรรมทางเพศของเกย์คือตัว "ปัญหา" หรือผู้ร้ายของเรื่อง" จากหนังสือเรื่อง "ว่าด้วยเพศ ความคิด ตัวตน และอคติทางเพศ ผู้หญิง เกย์ เพศศึกษาและกามารมณ์"

ลองหามาอ่านกันดูครับ

ปล.หวัดดี nam / beemanufanฯ ในฐานะนานาณุแฟน บ็อคนี้ครับ

Vitaya S. said...

สวัสดีครับทุกคนที่หมั่นขยันโพสต์กัน ไม่รู้สึกเหงาเลย จริงๆ แล้วก็เคยคิดนะ การ come out มันน่าจะเป็น ritual หรือการเฉลิมฉลองอะไรบางอย่างได้ เหมือนโกนจุก หรือบวชหน้าไฟ ทำนองนั้น

ถ้าคุณ nam ไม่ใช่สาว Y แล้วเป็นสาว Q ก็แล้วกันเพราะมีคำถามและต้องการค้นหาอย่างไม่ลดละ

ว้า เสียดาย ไม่ใช่แฟนฟุตบอล แต่ถ้าจะดู คงดูแต่นักเตะ เพลินๆ นา...